ดอกกุหลาบ : เม็ดเงินสะพัด 200 ล้านบาท…ช่วงวันวาเลนไทน์

ในช่วงวันวาเลนไทน์ดอกกุหลาบนับว่าเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เป็นอันดับหนึ่งทุกปี โดยเฉพาะดอกกุหลาบสีแดงและการ์ดอวยพร รองลงมา คือ ช็อคโกแล็ต และสินค้ากิ๊ฟช็อป ซึ่งนับว่าไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ดังนั้นจึงคาดหมายได้ว่าดอกกุหลาบจะยังคงขายดิบขายดีเช่นเดียวกับทุกปีที่ผ่านมา แม้ว่าราคาดอกกุหลาบในช่วงวันวาเลนไทน์จะอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับในช่วงปกติก็ตาม บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด สำรวจ “วันวาเลนไทน์ปี 2006 ในสายตาเยาวชนกรุงเทพฯ” จากกลุ่มตัวอย่าง 731 คน ในระหว่างวันที่ 1-7 กุมภาพันธ์ 2549 คาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดในช่วงวาเลนไทน์สำหรับการซื้อดอกกุหลาบ 200 ล้านบาทหรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 20.0 ของเม็ดเงินสะพัดทั้งหมดในช่วงวันวาเลนไทน์ในปีนี้

ธุรกิจการปลูกดอกกุหลาบนับว่าเป็นหนึ่งในธุรกิจที่น่าจับตามอง เนื่องจากความต้องการดอกกุหลาบนั้นมีตลอดต่อเนื่องทั้งปี และในช่วงวันวาเลนไทน์ความต้องการเพิ่มขึ้นกว่าปกติ โดยมีการประมาณกันว่าความต้องการดอกกุหลาบช่วงวันวาเลนไทน์นั้นมากกว่าช่วงปกติประมาณ 10 เท่าตัว ปัจจุบันพื้นที่ปลูกกุหลาบตัดดอกในประเทศไทยมีประมาณ 7,000 ไร่ กระจายอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศ แหล่งปลูกที่สำคัญได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ตาก นครปฐม สมุทรสาคร ราชบุรี และกาญจนบุรี มีการขยายตัวของพื้นที่มากที่สุดใน อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ซึ่งปัจจุบันประมาณว่ามีพื้นที่การผลิตถึง 4,000 ไร่ เนื่องจาก อ.พบพระ มีสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสมอย่างมากในการปลูกกุหลาบ ‘

การผลิตกุหลาบในประเทศไทยอาจแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ ดังนี้

– การผลิตกุหลาบในเชิงปริมาณ
การผลิตกุหลาบเชิงปริมาณ หมายถึงการปลูกกุหลาบในพื้นที่ขนาดใหญ่ หรือปลูกในพื้นที่ราบ ซึ่งจะให้ผลผลิตมาก แต่ผลผลิตไม่ได้คุณภาพ เช่น ดอกและก้านมีขนาดเล็ก มีตำหนิจากโรคและแมลง หรือการขนส่ง อายุการปักแจกันสั้น ทำให้ราคาต่ำ การผลิตในลักษณะนี้เป็นการผลิตเพื่อให้เกษตรกรอยู่ได้ จึงต้องเน้นที่ปริมาณการปลูกให้มากเข้าไว้

– การผลิตกุหลาบในเชิงคุณภาพ
นิยมปลูกในเขตภาคเหนือ และบนที่ราบสูง โดยปลูกกุหลาบภายใต้โรงเรือนพลาสติก ในพื้นที่จำกัด มีการจัดการการผลิตและการปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยวที่ดี ใช้แรงงานที่ชำนาญ ทำให้กุหลาบที่ได้มีคุณภาพดี และปักแจกันได้นาน

คาดว่าผลผลิตดอกกุหลาบรวมทั้งประเทศจะมีปริมาณรวมประมาณ 1,260 ล้านดอก/ ปี โดยคิดผลผลิตเฉลี่ย 180,000 ดอก/ไร่/ปี (ประมาณ 30 ดอก/ต้น/ปี) ผลผลิตเกือบทั้งหมดใช้ในประเทศ ตลาดรับซื้อที่สำคัญได้แก่ ปากคลองตลาด ตลาดสี่มุมเมือง ร้านดอกไม้ โรงแรม และ ตลาดในจังหวัดต่างๆ ทางด้านการจำหน่ายกุหลาบนั้นก็มีทั้งการขายส่งและขายปลีก เช่น เชียงใหม่ เชียงราย นครปฐม อุบลราชธานี เป็นต้น

สำหรับราคาดอกกุหลาบนั้นจะมีราคาสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ของทุกปี โดยเฉพาะเดือนกุมภาพันธ์ที่มีเทศกาลเลนไทน์ราคาจะสูงมากกว่าปกติ และราคาจะสูงอีกครั้งในเดือนกรกฎาคม ซึ่งมีการรับปริญญาและมีความต้องการดอกไม้สูง ส่วนในช่วงระหว่างเดือนมีนาคมถึงมิถุนายนและช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคมจะมีราคาคงที่ นอกจากนี้ราคาของดอกกุหลาบยังขึ้นอยู่กับเกรดของดอกกุหลาบด้วย กล่าวคือ การคัดเกรดดอกกุหลาบจะใช้ความยาวก้านดอก(วัดเป็นเซนติเมตร)ตามความต้องการของแต่ละตลาดเป็นเกณฑ์ กลุ่มผู้ปลูกกุหลาบเชียงใหม่กำหนดเกรดไว้ดังนี้ เกรด25, เกรด30, เกรด35, เกรด45, เกรด55 และเกรด65 โดยจะวัดจากปลายก้านดอกถึงปลายดอก แต่ก็ขึ้นอยู่กับพันธุ์และต้องให้ได้สัดส่วน

ตลาดของกุหลาบคุณภาพปานกลางถึงต่ำ(ตลาดล่าง) ในปัจจุบันถึงขั้นอิ่มตัว เกษตรกรขายได้ราคาต่ำมาก ส่วนตลาดของกุหลาบที่มีคุณภาพสูง(ตลาดบน) ผลผลิตในประเทศยังไม่เพียงพอ และขาดความต่อเนื่อง ทำให้ยังต้องนำเข้าดอกกุหลาบคุณภาพสูงจากต่างประเทศ เช่น เนเธอร์แลนด์ จีน และมาเลเซีย เป็นต้น ประเด็นที่น่าสนใจในธุรกิจการผลิตกุหลาบในเมืองไทยก็คือ การผลิตกุหลาบที่มีคุณภาพของไทยมีไม่เพียงพอกับความต้องการ กอปรกับพื้นที่ที่เหมาะสมในการปลูกกุหลาบที่มีคุณภาพก็มีข้อจำกัดด้วย ดังนั้นทำให้ยังต้องพึ่งพาการนำเข้ากุหลาบที่มีคุณภาพสูงจากต่างประเทศ กุหลาบคุณภาพที่ผลิตในประเทศราคาต้นทุนประมาณ 10-15 บาทต่อดอก ในขณะที่ต่างประเทศมีต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 2-3 บาทต่อดอกเท่านั้น

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด สำรวจ “วันวาเลนไทน์ปี 2006 ในสายตาเยาวชนกรุงเทพฯ” จากกลุ่มตัวอย่าง 731 คน ในระหว่างวันที่ 1-7 กุมภาพันธ์ 2549 ผลการสำรวจพบว่ากลุ่มตัวอย่างตั้งใจจะให้ดอกไม้เป็นของขวัญในวันวาเลนไทน์ถึงร้อยละ 32.1 และส่วนใหญ่ก็ยังยืนยันที่จะให้ดอกกุหลาบโดยเฉพาะสีแดงและสีขาวถึงร้อยละ 80.9 ทำให้คาดว่ายอดจำหน่ายดอกกุหลาบในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์นี้สูงกว่าช่วงปกติประมาณ 10 เท่าตัว ซึ่งเมื่อนำค่าใช้จ่ายในการซื้อดอกกุหลาบของกลุ่มเป้าหมายและพฤติกรรมการซื้อดอกกุหลาบ ทำให้คาดว่าในช่วงวันวาเลนไทน์นี้จะมีเม็ดเงินสะพัดในการซื้อดอกกุหลาบสูงถึงเกือบ 200 ล้านบาท

ในช่วงก่อนจะถึงเทศกาลวันแห่งความรักประมาณ 1 สัปดาห์ เป็นช่วงที่เกษตรกรผู้ปลูกกุหลาบได้ลืมตาอ้าปาก ซึ่งเมื่อสอบถามทางร้านค้าและชาวสวนแล้วคาดว่าราคากุหลาบในปี 2549 จะใกล้เคียงเมื่อเทียบกับในปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าปริมาณดอกกุหลาบจะมีเพียงพอกับความต้องการ และยังมีกุหลาบจากจีนเข้ามาตอบสนองความต้องการของลูกค้าอีกส่วนหนึ่งด้วย ในขณะที่ความต้องการซื้อยังคงอยู่ในเกณฑ์สูง รวมทั้งในปีนี้ตรงกับวันแรกของการทำงานหลังจากวันหยุดติดต่อกัน 3 วัน ผู้คนที่เดินทางไปทำงานก็จะมีการหาซื้อดอกกุหลาบไปฝากเพื่อนที่ทำงานด้วย

คาดว่าราคาดอกกุหลาบในช่วงวันวาเลนไทน์ในปี 2549 นี้จะใกล้เคียงกับในปีที่ผ่านมา โดยกุหลาบสีแดงและสีขาวราคาเฉลี่ย 130-150 บาท/มัด(50 ดอก) ส่วนดอกกุหลาบที่มาจากไร่กุหลาบทางภาคเหนือซึ่งจะมีดอกขนาดใหญ่กว่าราคาประมาณดอกละ 20-30 บาท จากราคาปกติ 5 บาท/ดอก ส่วนกุหลาบจากต่างประเทศนั้นกุหลาบจีนได้รับความนิยมมากกว่ากุหลาบจากฮอลแลนด์ เนื่องจากขนาดดอกใหญ่ใกล้เคียงกัน แม้ว่ากุหลาบจากฮอล์แลนด์จะแข็งแรงและทนทานกว่า แต่ราคาจะสูงถึงประมาณดอกละ 200-300 บาท ในขณะที่กุหลาบจีนราคาเพียง 30-40 บาทต่อดอกเท่านั้น

หากจัดเป็นช่อจะตกประมาณ 50-3,000 บาททั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนดอกกุหลาบที่ต้องการ ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกสั่งได้ตามความต้องการ ลักษณะการเลือกซื้อดอกไม้ในช่วงวันวาเลนไทน์นั้นลูกค้าที่มีฐานะจะนิยมซื้อดอกไม้จากร้านจัดดอกไม้เพื่อสั่งเป็นช่อ ส่วนลูกค้าโดยทั่วไปโดยเฉพาะนักเรียน/นักศึกษาจะซื้อเป็นดอก แม้ว่าราคาดอกกุหลาบในวันวาเลนไทน์จะแพงกว่าช่วงปกติหลายเท่าตัว แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคแก่ผู้ที่ตั้งใจจะซื้อดอกกุหลาบให้กับคนรักในวันวาเลนไทน์ ซึ่งในช่วงวันวาเลนไทน์นี้สร้างเม็ดเงินสะพัดให้กับร้านจัดดอกไม้ ร้านจำหน่ายดอกไม้สด และเกษตรกรผู้ปลูกดอกไม้เป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่น่าสนใจจากการสอบถามกลุ่มตัวอย่างและบรรดาร้านจำหน่ายดอกไม้พบว่ากลุ่มวัยรุ่นส่วนหนึ่งนิยมซื้อดอกกุหลาบแบบห่อ(50ดอก) แล้วนำไปจัดช่อเอง ทำให้การจำหน่ายดอกกุหลาบในลักษณะจัดช่อให้ของร้านจำหน่ายดอกไม้มียอดลดลงไปบางส่วน ในขณะที่กุหลาบแบบห่อและอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในการจัดช่อดอกไม้มียอดจำหน่ายสูงขึ้น แสดงให้เห็นว่าวัยรุ่นบางกลุ่มให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์ แต่ก็ยังไม่ได้ฟุ่มเฟือย นอกจากนี้ยังมีธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์ในช่วงวันวาเลนไทน์ คือ กลุ่มมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ที่เป็นสื่อกลางจากบรรดาร้านจัดดอกไม้ที่ใช้บริการส่งดอกไม้ถึงมือผู้รับ โดยอัตราค่าจ้างขึ้นอยู่กับระยะทางและเท่ากับราคาส่งผู้โดยสารปกติ

ธุรกิจการปลูกกุหลาบเป็นหนึ่งในธุรกิจไม้ตัดดอกที่น่าสนใจ โดยในช่วงวันวาเลนไทน์นี้เป็นช่วงหนึ่งในรอบปีที่ดอกกุหลาบจะขายดีเป็นพิเศษ และอีกช่วงหนึ่งคือช่วงเทศกาลรับปริญญาประมาณเดือนกรกฎาคม ส่วนในช่วงอื่นๆความต้องการดอกกุหลาบก็ยังมีสม่ำเสมอ ในขณะที่เกษตรกรผู้ปลูกกุหลาบของไทยมีการพัฒนาดอกกุหลาบคุณภาพสูง ซึ่งนับเป็นทางเลือกที่เพิ่มขึ้นให้กับลูกค้าในการเลือกซื้อกุหลาบในประเทศแทนที่กุหลาบนำเข้า อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องจับตามองคือ การเข้ามาตีตลาดของกุหลาบจีน ซึ่งจะมาเป็นคู่แข่งสำคัญของกุหลาบคุณภาพสูงของไทย โดยในอนาคตถ้าไทยเพิ่มการลดอัตราภาษีในหมวดไม้ดอกไม้ประดับในเขตการค้าเสรีไทย-จีน คาดว่าราคาดอกกุหลาบจากจีนจะลดต่ำลงกว่าในปัจจุบัน ดังนั้นเกษตรกรผู้ปลูกกุหลาบของไทยต้องเตรียมรับมือด้วย