นิตยสารดิฉัน แนะวิธีชะลอวัย ในงาน “ดิฉัน สกิน แฟร์ 2006”

นิตยสารดิฉัน นิตยสารสำหรับผู้หญิง ชั้นนำของเมืองไทย ชวนสาวไทยร่วมอัพเดทความรู้ด้านผิวพรรณอย่างเจาะลึกทุกแง่มุมกับนวัตกรรมใหม่ล่าสุด โดยได้รับความร่วมมือจากสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านชะลอวัย มาแนะนำวิธีการชะลอวัยอย่างเจาะลึก พร้อมด้วยเคล็ดลับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว, ความแตกต่างของผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด, การปรนนิบัติรักษาผิวด้วยนวัตกรรมล่าสุดเกี่ยวกับผิวพรรณ ทั้งในรูปแบบของผลิตภัณฑ์และวิธีการอันทันสมัยเพื่อการชะลอวัย ซึ่งทั้งหมดนี้ได้ถูกรวบรวมเป็นหนังสือ “เคล็ดลับชะลอวัย” คู่มือเพื่อหญิงสาวทุกคนโดยเฉพาะ ในงาน “ดิฉัน สกิน แฟร์ 2006” ณ เดอะ เรสซิเดนซ์ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ

งาน “ดิฉัน สกิน แฟร์ 2006” ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่จะได้พบกับนวัตกรรมใหม่ด้านผิวพรรณ ทั้งในรูปแบบผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและวิธีการอันทันสมัยเพื่อการลดเลือนริ้วรอยให้ดูอ่อนกว่าวัย ภายในงานมีกิจกรรมต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ การสาธิตวิธีการนวดหน้าเผยผิวให้ดูอ่อนเยาว์, การวิเคราะห์สภาพผิวด้วยเครื่องมืออันทันสมัย, เทคนิคการแต่งหน้าอำพรางริ้วรอย และการเลือกผลิตภัณฑ์ถนอมผิวหรือบริการความงามที่เหมาะสม จากผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณโดยเฉพาะ

สำหรับการพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ จากสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทยเริ่มจาก รองศาสตราจารย์นายแพทย์นพดล นพคุณ หัวหน้าสาขาจิตวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ และเลขาธิการสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย มาพูดคุยถึง เรื่องของสภาพผิวและปัญหา ว่า “ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกวิธีที่จะชะลอวัย เราควรทำความรู้จักกับผิวพรรณและการทำงานของมันก่อน ทั้งในเรื่องของสภาพผิว, ปัญหาของผิวพรรณ และประเภทของริ้วรอย เพื่อเป็นข้อมูลที่ถูกต้องในการเลือกหาแนวทางการชะลอวัย”

และเมื่อเทคโนโลยีเริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน จึงก่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัยขึ้นมามากมาย ดั่งเช่นที่ นายแพทย์ภูมิศักดิ์ ศักดิ์ศรี กรรมการกลางสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยแห่งประเทศไทย มาแนะเรื่อง การฉีดสารเติมเต็ม ว่า“การฉีดสารเติมเต็ม นั้นเป็นหนึ่งในวิธีจัดการกับร่องผิว โดยฉีดสารที่ทางการแพทย์รู้จักกันดีในชื่อของสารเติมเต็ม หรือ ฟิลเลอร์ (Filler) เข้าไปในร่างกาย เพื่อทำหน้าที่ทดแทนเนื้อเยื่อบริเวณผิวชั้นในที่ขาดหายไป ซึ่งจะเหมาะกับริ้วรอยที่มีลักษณะเป็นร่อง เส้น และรอยบุบ เพื่อเพิ่มบริเวณนั้นให้เด่นหรือให้เป็นปกติ สำหรับริ้วรอยที่เป็นร่อง แนะนำว่าควรจะฉีดฟิลเลอร์ร่วมกับโบท็อกซ์จะได้ผลดีสุด”

จากนั้น นายแพทย์ศรัณย์ วรรณจำรัส หัวหน้างานศัลยกรรมตกแต่ง กลุ่มงานศัลยกรรม โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ สังกัดสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร มาแนะนำถึง การฉีดสารโบท็อกซ์ ว่า “การฉีดสารโบท็อกซ์เป็นวิธีการจัดการกับรอยย่นต่างๆบนใบหน้าแบบชั่วคราว ได้จากการค้นพบพิษ Toxin เชื้อโรคชนิดหนึ่งจากอาหารกระป๋อง ที่สามารถยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อได้ โดยนำเชื้อโรคมาสกัดให้เป็นผงมาผสมกับน้ำ แล้วฉีดไปที่ตำแหน่งของกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดรอยย่น เชื้อโรคจะไปเกาะตรงบริเวณกล้ามเนื้อส่วนที่เราต้องการให้หยุดทำงาน ทำให้ริ้วรอยจางหายไป ซึ่งอยู่ได้ประมาณแค่ 6 เดือน เท่านั้น เพราะพิษที่ใส่เข้าไปนั้นจะค่อยๆหมดฤทธิ์ แต่เราสามารถฉีดสารโบท็อกซ์ได้บ่อยโดยไม่มีอันตราย นอกจากรายที่มีอาการแพ้เท่านั้น”

สำหรับวิธี การทำเลเซอร์ ได้ แพทย์หญิงฐานิสร ธรรมลิขิตกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมเลเซอร์ผิวหนัง มาพูดคุยถึงการชะลอวัยด้วยเครื่องเลเซอร์ต่างๆ ว่า “ปัญหาและสภาพผิวของผู้หญิงแต่ละคนไม่เหมือนกัน ริ้วรอยของบางคนอาจช่วยได้ด้วยสารเติมเต็ม แต่บางคนนั้นพบว่าริ้วรอยได้ถูกบ่มมาน จึงต้องแก้ให้ลึกถึงราก นั่นหมายถึงต้องแก้ที่ผิวชั้นในสุดที่เป็นที่อยู่ของ คอลลาเจน โดยใช้พลังงานความร้อนจากคอมพิวเตอร์เข้าไปช่วย เลเซอร์นั้นเป็นพลังงานในรูปแบบคลื่นแสง ซึ่งมีมากมายหลายชนิด แต่เทคโนโลยีล่าสุดที่กำลังเป็นที่นิยมนั้นคือ เลเซอร์เย็น ทำงานโดยใช้พลังงานแสงที่มีความเข้มข้นสูงในการยิงทะลุผิวหนังชั้นบนผ่านลงไปถึงชั้นล่างสุดของผิว โดยไม่ทำให้ผิวเกิดแผลเป็นในภายหลัง”

สำหรับวิธีการรักษาผิวพรรณแบบดั้งเดิม พันโทนายแพทย์วิภู กำเหนิดดี แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู ผู้เชี่ยวชาญการฝังเข็ม และอาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู วิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ พระมงกุฏเกล้า และ พันตรีนายแพทย์อุกฤษณ์ จีรภัทรสุนทร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขา เวชศาสตร์ครอบครัว, อาจารย์หน่วยวิทยาภูมิคุ้มกันและโรคภูมิแพ้ ภาควิชาจุลวิทยา วิทยาลัยแพทย์ศาสตร์พระมงกุฏเกล้า และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการฝังเข็ม มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเซี่ยงไฮ้ ในความร่วมมือกับ กระทรวงสาธารณสุข มาแนะวิธี การฝังเข็ม ว่า “สามารถช่วยแก้ปัญหาผิวที่หย่อนยานได้ โดยแพทย์จะสอดเข็มไปที่กล้ามเนื้อบนหน้า และใช้ไฟฟ้าเป็นตัวกระตุ้น ทำให้กล้ามเนื้อได้ออกกำลังและแข็งแรงขึ้น ใบหน้าจึงกลับมากระชับอีกครั้งหนึ่ง”

และสุดท้ายสำหรับ การทำศัลยกรรมตกแต่ง นายแพทย์ปรีชา เตียวตรานนท์ อดีตนายกสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย แนะนำว่า “การทำศัลยกรรมดึงหน้านั้นเหมาะกับผู้ที่มีใบหน้าและลำคอเริ่มหย่อนยาน แต่ผิวหนังยังพอมีความยืดหยุ่นบ้าง วัยที่เหมาะคือวัยระหว่างสี่สิบถึงหกสิบปี ซึ่งก่อนทำควรปรึกษาแพทย์และศึกษาหาข้อมูลให้ถี่ถ้วนก่อน”

นอกจากนี้ยังมี การแนะนำผลิตภัณฑ์ ที่เด่นแปลกใหม่, แจกตัวอย่างสินค้า และลุ้นรับรางวัลผลิตภัณฑ์สกินแคร์ชั้นนำมากมาย โดยได้รับความอนุเคราะห์จากหลากหลายบริษัทในแวดวงความสวยความงาม รวมทั้งการสาธิตทำเครื่องดื่มเพื่อการมีสุขภาพและผิวพรรณที่ดีอีกด้วย

สำหรับงาน ‘ดิฉัน สกินแฟร์ 2006’ ครั้งนี้ ได้รับเกียรติเหล่าคนดังในแวดวงสังคมมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ โดย รุ่งทิพย์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ให้ความเห็นว่า “สนใจ ฟังบรรยายเรื่องของสภาพผิวและปัญหาค่ะ เพราะการที่เราเข้าใจเรื่องของสภาพผิว ทำให้เรารู้ว่าอะไรที่เหมาะกับตัวเรา เพราะบางครั้งเราคิดว่าผลิตภัณฑ์ที่เค้าว่าดีกันในท้องตลาดนั้นจะดีกับเรา แต่ในความจริงต้องรู้ก่อนว่าสภาพผิวเราเป็นแบบไหน ถึงจะเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมได้ค่ะ”

ส่วน ศรุชา วานิชอังกูร พูดถึงความประทับใจในงานนี้ว่า “ดีใจมากค่ะที่ ‘ดิฉัน’ จัดงานนี้ขึ้นมา เพราะเป็นเสมือน one stop shop ที่รวมทุกอย่างในเรื่องความสวยความงาม และการชะลอวัยมาไว้ในสถานที่เดียวกัน และข้อมูลที่ได้รับก็เป็นข้อมูลที่ถูกต้องจากแพทย์ผิวหนังโดยตรง”

ชรภาส โอภาสพันธ์ เมคอัพ อาร์ทิส ชื่อดัง เล่าว่า “ดีเลยทีเดียวครับ ที่ไม่ต้องไปเดินเข้าไปถามพนักงานขายตามห้างสรรพสินค้า ดูน่าเชื่อถือ เพราะไม่มีการขายสินค้าใดๆทั้งสิ้น อยากให้ ‘ดิฉัน’ จัดงานแบบนี้ขึ้นมาบ่อยๆ เพราะได้อัพเดทความรู้มากมาย ทั้งในเรื่องผลิตภัณฑ์ วิวัฒนาการทางการแพทย์ และความรู้จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาโดยเฉพาะ”

สำหรับ สุจิมา วีระไวทยะ เล่าว่า “มางานนี้สนุกดีค่ะ ได้ความรู้หลายอย่าง ชอบที่ทุกคนเต็มที่กับการให้ความรู้ ไม่เน้นขายของเหมือนเวลาไปเดินห้าง ส่วนตัวก็เคยพบคุณหมออยู่แล้ว เลยพอเข้าใจว่าควรดูแลสภาพผิวอย่างไรไม่ให้แก่ตามวัย”

ส่วน ทญ. อตินุช มาลากุล ณ อยุธยา กล่าวว่า “สนใจการทำเลเซอร์และฝังเข็มค่ะ เคยลองทำเลเซอร์แก้รอยแดงและแผลเป็นมาก่อน แต่ยังไม่เคยลองฝังเข็มเลย คิดว่าน่าสนใจดี ดูเป็นวิธีการรักษาที่เป็นธรรมชาติ และงานวันนี้ก็สนุกมาก”

การจัดงานครั้งนี้เป็นการแนะนำและให้ความรู้ ตามแบบฉบับผู้หญิงให้ผู้หญิง โดย คุณหญิงทิพยวดี ปราโมช ณ อยุธยา บรรณาธิการอำนวยการ นิตยสารดิฉัน กล่าวว่า “ด้วยความที่นิตยสารดิฉัน อยู่เคียงข้างสาวไทยมากว่า 29 ปี เราจึงอยากตอบแทนสิ่งดีๆคืนให้กับผู้อ่านทุกท่านที่ได้มอบความไว้วางใจให้กับเราเสมอมา และในครั้งนี้เราภูมิใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการจัดงานที่เป็นประโยชน์ต่อผู้หญิงทุกท่าน โดยไม่มีการขอสปอนเซอร์จากผู้ผลิตรายใด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการโฆษณาในหนังสือ เคล็ดลับชะลอวัย หรือในงานที่จัดขึ้นก็ตาม เรียกได้เลยว่า เราเป็นสื่อกลางจริงๆ ซึ่งผู้ผลิตแต่ละรายที่มาร่วมงานก็โดยการเชิญเข้าร่วมในฐานะผู้คุ้นเคยกัน”

“กว่าจะมาเป็นหนังสือ ‘เคล็ดลับชะลอวัย’ เราต้องใช้เวลาอย่างมากในการทดสอบผลิตภัณฑ์มากมายหลากหลายรูปแบบ เพื่อเป็นข้อสรุปในเบื้องต้นสำหรับผู้หญิงที่สนใจ นับว่าเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ที่ไม่แน่ใจว่าควรจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อะไร บางคนอาจคิดว่าราคายิ่งแพงยิ่งดี แต่ความจริงแล้วอาจจะไม่เหมาะกับเราก็ได้ ซึ่งจากประสบการณ์ที่เราได้ลองใช้ผลิตภัณท์จริงๆนั้นมีราคาตั้งแต่ไม่กี่ร้อยบาทจนถึงหลายๆหมื่นบาท ดังนั้นหนังสือเล่มนี้จึงเปรียบเสมือนทางลัดของหญิงสาวในการเลือกหาผลิตภัณฑ์และที่เหมาะสมกับตัวเองค่ะ” คุณหญิงทิพยวดี กล่าวเพิ่มเติม

หนังสือคู่มือ “เคล็ดลับชะลอวัย” เป็นคู่มือที่อิสระ ปราศจากการชวนเชื่อใดๆทั้งสิ้น จัดทำขึ้นเพื่อให้ผู้หญิงไทยสามารถตัดสินใจเลือกวิธีการใดชะลอความแก่ได้ด้วยวิธีที่เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด ได้แก่ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับผิวพรรณ, สาเหตุที่ผิวจะถูกทำลาย, ริ้วรอยของความร่วงโรย, ทำไมต้องชะลอวัย, ส่วนผสมที่ว่าดีมีอะไรบ้าง, ความเหมือนที่แตกต่าง และผลิตภัณฑ์ชะลอวัยที่น่าสนใจ โดยได้รับความร่วมมือจากแพทย์ผู้มีชื่อเสียงและผู้เชี่ยวชาญด้านสกินแคร์หลายท่านด้วยกัน

ติดตามหนังสือ เคล็ดลับชะลอวัย ได้ฟรีในนิตยสารดิฉัน ฉบับ ปักษ์หลัง มีนาคมนี้