ดอลลาร์ทรุด : ตลาดหลงทิศทางดอกเบี้ย ทองคำพุ่งทดสอบ 700 ดอลลาร์

เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงร่วงลงอย่างต่อเนื่อง โดยมีค่าต่ำสุดในรอบ 1 ปี เมื่อเทียบกับเงินยูโร และลดลงถึง 113 เยน/ดอลลาร์ ต่ำสุดในรอบ 7 เดือน แม้ว่าสหรัฐฯได้ประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง แต่นักลงทุนยังคงให้ความสำคัญกับปัญหาขาดดุลการค้าและขาดดุลงบประมาณของสหรัฐฯ รวมถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯด้วย ส่วนเงินปอนด์สเตอร์ลิงอังกฤษ มีค่าเพิ่มขึ้น เมื่อตลาดเงินเริ่มมั่นใจว่าธนาคารกลางอังกฤษอาจไม่ลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ และยังมีความเป็นไปได้ว่าอาจเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีกด้วย สำหรับราคาทองคำในตลาดต่างประเทศ ยังคงแพงขึ้นโดยตลอด ทั้งนี้ ราคาซื้อขายอยู่ในช่วง 665-666 ดอลลาร์/ออนซ์

เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีค่ากระเตื้องขึ้นชั่วขณะในวันแรงงาน หลังจากที่มีรายงานข่าวเกี่ยวกับบทสัมภาษณ์ของผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ นาย Ben Bernanke ทางโทรทัศน์ช่อง CNBC ที่ย้ำว่าความจริงธนาคารกลางสหรัฐฯยังคงใช้นโยบายการเงินยืดหยุ่น โดยยังคงคำนึงถึงภาวะเงินเฟ้อเป็นสำคัญ ซึ่งตลาดเงินตีความว่าถ้อยแถลงของ Bernanke อาจสะท้อนว่าธนาคารกลางสหรัฐฯอาจยังไม่ยุติการใช้นโยบายการเงินเข้มงวด หลังจากที่อาจมีการเพิ่มดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนพฤษภาคมนี้ อยู่ที่ระดับ 5.0% ทั้งนี้ ตลาดเงินเริ่มสับสนกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ มากขึ้น เนื่องจากก่อนหน้านี้ นาย Bernanke ได้แถลงต่อรัฐสภาสหรัฐฯในทำนองที่ว่าธนาคารกลางใกล้ยุติการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยแล้ว ซึ่งส่งผลให้มีการเทขายเงินดอลลาร์อย่างมากในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้า

แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้นาย Bernanke จะได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับรายการโทรทัศน์ CNBC ดังกล่าว แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ค่าเงินดอลลาร์ฟื้นตัวมากนักและมีค่าขยับขึ้นเพียงชั่วครู ก่อนที่ค่าเงินดอลลาร์จะหล่นลงอีกครั้ง เนื่องจากนักลงทุนหันไปสนใจซื้อเงินยูโรเป็นจำนวนมาก หลังจากที่รายงานตัวเลขภาคอุตสาหกรรมของกลุ่มยูโรเข้มแข็งขึ้น ทำให้คาดการณ์ว่ายุโรปอาจมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่นักลงทุนยังไม่ต้องการถือเงินดอลลาร์ในระยะนี้ แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯก็น่าพอใจเช่นกัน แต่ประเด็นปัญหาพื้นฐานเกี่ยวยอดขาดดุลการค้าและขาดดุลงบประมาณของสหรัฐฯ กลับมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของนักลงทุนมากกว่ารายงานตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ

เงินปอนด์อังกฤษ มีค่าเข้มแข็งจากตัวเลขเศรษฐกิจอังกฤษ ได้แก่ ภาคอุตสาหกรรมการผลิตเดือนเมษายนขยายตัวสูงสุดในรอบ 17 เดือน ยอดค้าปลีกในเดือนเดียวกันเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์กันไว้ รวมถึง ยอดสินเชื่อบ้านเดือนมีนาคมที่พุ่งถึง 33% จากช่วงเดียวกันปีก่อน นับเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี ซึ่งรายงานเหล่านี้ ช่วยให้ตลาดเงินคลายความกังวลที่ว่าธนาคารกลางอังกฤษอาจลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง ยิ่งไปกว่านั้น ภาวะเศรษฐกิจที่สดใสอาจกระตุ้นให้ทางการต้องปรับอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นได้ หากมีสัญญาณเงินเฟ้อรุนแรง

ราคาทองคำในตลาดต่างประเทศ โน้มสูงขึ้นเป็นลำดับ เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงด้านราคาน้ำมันยังคงกดดันให้นักลงทุนหันไปถือทองคำเพื่อเป็นหลักประกันเงินเฟ้อ เพราะวิกฤตการณ์อิหร่านยังมืดมน และกลายเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ตลาดน้ำมันโลกผันผวน นอกจากนี้ ความอ่อนแอของค่าเงินดอลลาร์ก็ยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จูงใจให้นักลงทุนหันไปถือทองคำเก็บไว้ ยามเกิดความปั่นป่วนวุ่นวายในตลาดเงิน ซึ่งทองคำจะเป็นหลักทรัพย์ที่ปลอดภัยที่สุด

อัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับเงินตราสำคัญสกุลต่างๆ ณ วันที่ 1 พฤษภาคม 2549 เทียบกับวันที่ 3 พฤษภาคม 2549 (ตัวเลขในวงเล็บ) มีดังนี้

เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีค่าเท่ากับ 1.2587 ดอลลาร์/ยูโร (1.2627 ดอลลาร์/ยูโร) 113.38 เยน (113.66 เยน) และ 1.8259 ดอลลาร์/ปอนด์ (1.8425 ดอลลาร์/ปอนด์)

ราคาทองคำในตลาดลอนดอน เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2549 เท่ากับ 665.0 ดอลลาร์/ออนซ์ เทียบกับราคา 666.0 ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2549