ไทยพาณิชย์จำหน่ายทรัพย์สินรอการขายกว่า 560 ล้าน พัฒนาที่อยู่อาศัยใจกลางเมือง

ธนาคารไทยพาณิชย์ ลงนามข้อตกลงสัญญาซื้อขายทรัพย์สินรอการขาย (NPA) มูลค่ากว่า 560 ล้านบาท ให้กับบริษัท เมโทรสตาร์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยใจกลางเมืองโครงการ “เมโทร อเวนิว รัชโยธิน” สนองความต้องการคนรุ่นใหม่
นางจันทิมา จตุรภัทร์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ กลุ่มจัดการทรัพย์สิน ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า “ธนาคารเร่งดำเนินการตามแผนงานลดทรัพย์สินรอการขาย (NPA) มาโดยตลอด เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ธนาคารแห่งประเทศไทยวางไว้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจในภาพรวม ทำให้ปัจจุบันธนาคารมีทรัพย์สินรอการขายลดลงอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าภายในสิ้นปี 2549 จะสามารถลด NPA ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้คิดเป็นมูลค่ารวม 4,300 ล้านบาท โดย ณ สิ้นเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา ธนาคารคงเหลือทรัพย์สินรอการขายราว 17,600 ล้านบาท
สำหรับความร่วมมือจำหน่ายทรัพย์สินรอการขายกับบริษัท เมโทรสตาร์ พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ในครั้งนี้ เป็นทรัพย์สินรอการขายประเภทที่ดินว่างเปล่าจำนวน 10 แปลงมูลค่าทั้งสิ้น 562,495,000 บาท ซึ่งจะได้รับการพัฒนาให้เป็นคอนโดมิเนียม ภายใต้โครงการ “เมโทร อเวนิว รัชโยธิน” ด้วยผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์มืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยย่านใจกลางเมือง ซึ่งคาดว่าโครงการดังกล่าวจะได้รับการตอบรับที่ดี”
นายวีระ บูรพชัยศรี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมโทรสตาร์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “บริษัทได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับธนาคารไทยพาณิชย์มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สาม ซึ่งทรัพย์สินรอการขายที่บริษัทรับซื้อจากธนาคารเป็นที่ดินว่างเปล่าพื้นที่ราว 14 ไร่ ติดถนน พหลโยธิน และตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัยการคมนาคมสะดวก โดยโครงการ “เมโทร อเวนิว รัชโยธิน” ที่เตรียมจะพัฒนาขึ้นนี้จะสามารถตอบรับกับวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี”
ก่อนหน้านี้ธนาคารไทยพาณิชย์ได้ร่วมลงนามในสัญญาบันทึกข้อตกลงเพื่อการซื้อขายทรัพย์สินรอการขายกับบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (บสก.) ไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยในปี 2550 ธนาคารตั้งเป้าหมายว่าจะสามารถจำหน่ายทรัพย์สินรอการขายจำนวน 4,900 ล้านบาท โดยมีแนวทางในการร่วมมือกับพันธมิตรที่มีศักยภาพ ตลอดจนจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายหลากหลายรูปแบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถลดปริมาณทรัพย์สินรอการขายของธนาคาร ให้เป็นไปตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย และเกิดผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวมต่อไป