อินเทลนำคุณสมบัติ ‘โปร’ ใส่ในโน้ตบุ๊ก เพิ่มคุณสมบัติการจัดการระบบแบบไร้สายและความปลอดภัย

อินเทล คอร์ปอเรชั่น ได้มีการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ล่าสุดที่มีชื่อว่า อินเทล? เซนทริโน? โปร โปรเซสเซอร์ เทคโนโลยี (Intel? Centrino? Pro processor technology) ซึ่งเป็นนับเป็นการต่อยอดจากนวัตกรรมที่ได้รับความนิยมของอินเทล? วีโปร? โปรเซสเซอร์ เทคโนโลยี (Intel? vPro? processor technology) ซึ่งออกแบบเป็นพิเศษสำหรับคอมพิวเตอร์เดสก์ท้อปเพื่อองค์กรธุรกิจ มาไว้ในคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่ เทคโนโลยีใหม่นี้จะช่วยให้ฝ่ายไอทีสามารถบริหารจัดการระบบคอมพิวเตอร์ทั้งแบบเดสก์ท้อปและโน้ตบุ๊กได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังสามารถรับมือกับปัญหาต่างๆ ด้วยวิธีการแบบไร้สายอย่างได้ผล เช่น ปัญหาทางด้านความปลอดภัย ค่าใช้จ่ายในการดูแลระบบ การจัดสรรทรัพยากร และการบริหารสินทรัพย์ทางธุรกิจ

มร. มูลี่ อีเดน รองประธานกลุ่มผลิตภัณฑ์โมบายล์ของอินเทล กล่าวว่า ” อินเทล เซนทริโน โปร โปรเซสเซอร์ เทคโนโลยี เป็นการนำศักยภาพที่มีอยู่ใน อินเทล วีโปร โปรเซสเซอร์ เทคโนโลยีมารวมไว้ในแบรนด์ อินเทล เซนทริโน ซึ่งเป็นแบรนด์ของเทคโนโลยีบนโน้ตบุ๊กที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ตอนนี้จึงถือได้ว่าเป็นช่วงจังหวะเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ดังกล่าว เพราะเรายังคงมองเห็นทิศทางการเติบโตของโน้ตบุ๊กสำหรับแวดวงธุรกิจมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

ด้วยคุณสมบัติของ อินเทล เซนทริโน โปร โปรเซสเซอร์ เทคโนโลยี จึงทำให้ผู้จัดการด้านไอทีสามารถจัดการและปกป้องโน้ตบุ๊กผ่านระบบเครือข่ายไร้สายแบบไวไฟ (Wi-Fi) นอกจากนี้ ฝ่ายจัดการยังสามารถบริหารจัดการคอมพิวเตอร์ทั้งแบบเดสก์ท้อปและโน้ตบุ๊กที่มีการเชื่อมต่ออยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ไม่ว่าเครื่องลูกข่ายนั้นจะเปิดใช้งานอยู่หรือไม่หรือจะอยู่ในอาการผิดปกติก็ตาม*** จะเห็นได้ว่า ด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดนี้ ทำให้ระบบป้องกันต่างๆ สามารถทำได้อย่างรัดกุมมากขึ้น การทำงานร่วมกันของแผนกไอทีจะราบรื่นมากกว่าเดิม การตรวจสอบสินทรัพย์ของบริษัท (เครื่องพีซีและโน้ตบุ๊ก) สามารถทำได้แม่นยำมากขึ้น และถ้าหากระบบเกิดมีปัญหาขึ้นมา แผนกซัพพอร์ตก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเดินทางไปแก้ไขที่ตัวเครื่อง เพราะสามารถแก้ไขผ่านเครือข่ายได้ ส่งผลให้การดำเนินธุรกิจไม่หยุดชะงัก

บริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลกได้นำเทคโนโลยี วีโปร ไปใช้กันแล้ว

แวดวงธุรกิจได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของเทคโนโลยีวีโปร ที่เข้ามาช่วยในเรื่องของการจัดการระบบและเรื่องของการประหยัดต้นทุนทางด้านการซัพพอร์ต จึงทำให้เทคโนโลยี วีโปร ได้รับการยอมรับและมีการนำไปใช้กันอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง บริษัทต่างๆ กว่า 200 รายทั่วโลกที่นำเอาเทคโนโลยีใหม่ดังกล่าวไปใช้ ได้แก่ BMW*, FujiFilm*, ING*, Johns Hopkins*, Marriott* และ Pioneer เป็นต้น นอกจากนี้บริษัทต่างๆ เหล่านี้ยังพร้อมที่จะนำเอาเทคโนโลยี อินเทล เซนทริโน โปร มาใช้งานร่วมกับระบบเดิมทันทีที่เทคโนโลยีดังกล่าววางตลาด ซึ่งคาดว่าจะมีการเปิดตัวในปีนี้

ทางด้านบริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์รายใหญ่ๆ ต่างก็ขานรับเทคโนโลยีใหม่นี้กันโดยถ้วนหน้าเช่นกัน ด้วยการพัฒนาแอพพลิเคชั่นและออกแบบโซลูชั่นใหม่ๆ มาสนับสนุนเทคโนโลยี อินเทล เซนทริโน โปร บริษัทต่างๆ ดังกล่าวได้แก่ Altiris*, CA Inc.*, Cisco*, Credant Technologies*, Hitachi JP1*, HP*, Microsoft*, LANDesk* และ Trend Micro เป็นต้น

สำหรับการเปิดตัว อินเทล เซนทริโน โปร โปรเซสเซอร์ เทคโนโลยีคาดว่าจะเกิดขึ้นในราวไตรมาสที่สองของปีนี้ โดยเทคโนโลยีนี้จะถูกนำไปเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ อินเทล เซนทริโน เจนเนอเรชั่นถัดไป ซึ่งใช้ชื่อรหัสว่า “ซานตา โรซา” (Santa Rosa) หัวใจสำคัญของแพลตฟอร์มใหม่ดังกล่าว ยังคงอยู่ที่ อินเทล คอร์ 2 ดูโอ โปรเซสเซอร์ ที่มีการปรับปรุงใหม่ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ประหยัดพลังงานมากขึ้น และมีระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่นานขึ้น

นอกจากนี้ แพลตฟอร์มใหม่ดังกล่าวยังมาพร้อมกับระบบเครือข่ายไร้สายที่ปรับปรุงใหม่คือ Intel? Next-Gen Wireless-N ที่พัฒนาขึ้นภายใต้ร่างมาตรฐาน 802.11n ซึ่งให้ประสิทธิภาพมากกว่าเดิมถึงห้าเท่า** และมีระยะใช้งานไกลกว่าเดิมสองเท่า** นอกจากนี้ระบบกราฟิกที่ปรับปรุงใหม่ในแพลตฟอร์มรุ่นใหม่นี้ยังสามารถใช้งานร่วมกัไมโครซอฟท์ วินโดวส์ วิสต้า และอินเทอร์เฟซแบบ Aero* ได้ด้วย อีกทั้งยังมีคุณสมบติใหม่ที่ชื่อว่า Intel? Turbo Memory ซึ่งช่วยให้การโหลดแอพพลิเคชั่นที่ต้องใช้งานบ่อยๆ ทำได้รวดเร็วขึ้นกว่าเดิมถึงสองเท่า และยังช่วยให้การบู้ธเครื่องเร็วขึ้นอีกร้อยละ 20 อีกด้วย4

ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมซิลิกอน อินเทลได้พัฒนาเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ และริเริ่มสิ่งต่างๆ เพื่อสร้างความก้าวหน้าในการทำงานและการดำรงชีวิตของผู้คน ผู้สนใจสามารถค้นหา ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทอินเทล ได้ที่เว็บไซต์ http://www.intel.com/pressroom