MPT เผยผลประกอบการไตรมาส 1/2540 ชะลอตัว เหตุจากการแข่งขันที่รุนแรง

แมกเนคอมพ์ พรีชิชั่น เทคโนโลยี (MPT) รายงานผลประกอบการไตรมาสแรก ปี 2550 มีปริมาณผลิตและส่งมอบสินค้า 91.8 ล้านชิ้น ด้านยอดขายอยู่ที่ 2303.0 ล้านบาท ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/49 ที่ผ่านมา เนื่องจากราคาขายสินค้าต่อหน่วยที่ลดลง จากการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง และผลกระทบจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ เชื่อมั่นภายหลังเพิ่มการผลิตด้วยเทคโนโลยีวงจรแบบแนบติด (Additive Circuit Technology) มากขึ้น ขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ และควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ผลประกอบการของบริษัทฯ ปรับตัวดีขึ้นอีกครั้งในอนาคตอันใกล้นี้

นายสตีเวน เกลน แคมเบลล์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกเนคอมพ์ พรีซิชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2550 สิ้นสุดวันที่ 1 เมษายน 2550ว่า MPT มีปริมาณผลิตและส่งมอบแขนจับหัวอ่าน 91.8 ล้านชิ้น ใกล้เคียงกับไตรมาส 4/2549 ที่ผ่านมา ซึ่งมียอดผลิตและส่งมอบแขนจับหัวอ่าน 92.4 ล้านชิ้น หรือเพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2549 โดยมีสาเหตสำคัญจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของปริมาณผลิตและส่งมอบแขนจับหัวอ่านสำหรับฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ ขนาด 3.5 นิ้ว และในไตรมาส 1/2550 MPT มียอดขาย 2,303.0 ล้านบาท ลดลง 7% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2549 ที่ผ่านมา เนื่องจากยอดขายแขนจับหัวอ่านในไตรมาสนี้ ส่วนใหญ่มาจากแขนจับหัวอ่านประเภทที่ออกสู่ตลาดมานานแล้ว ซึ่งจะมีราคาขายลดลง โดยราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยที่ลดลงนี้ เกิดจากการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง อีกทั้ง รายได้ของบริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากการแปลงค่าเงิน จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น เนื่องจากยอดขายของบริษัทฯ รับรู้เป็นดอลล่าร์สหรัฐ ด้วยเหตุนี้ ในไตรมาส 1/2550 MPT จึงมีขาดทุนสุทธิ 113.4 ล้านบาท หรือขาดทุนต่อหุ้น 0.05 บาท เทียบกับไตรมาส 4/2549 ที่บริษัทฯ มีขาดทุนสุทธิ 95.2 ล้านบาท (ไม่รวมรายการพิเศษ) หรือเทียบกับไตรมาส 1/2549 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 141.8 ล้านบาท

“จากการประกาศผลการดำเนินงานของลูกค้าหลักและบริษัทคู่แข่งของเราในไตรมาสแรกพบว่า อุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟและแขนจับหัวอ่านจะอยู่ในภาวะของการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง อย่างไรก็ตาม แม้ในช่วงไตรมาสแรกซึ่งมีการแข่งขันสูง บริษัทฯ ก็สามารถมีส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแขนจับหัวอ่านสำหรับฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟขนาด 3.5 นิ้ว จากการที่ปริมาณยอดผลิตและส่งมอบแขนจับหัวอ่านของบริษัทฯ มีปริมาณใกล้เคียงกับสถิติสูงสุดที่บริษัทฯ ได้ทำไว้ในไตรมาส 4/2549 ที่ผ่านมา ในขณะที่ปริมาณการผลิตและส่งมอบแขนจับหัวอ่านของบริษัทคู่แข่งรายใหญ่ที่สุดในไตรมาส 1/2550 นี้มีจำนวนลดลง” นายสตีเวน เกลน แคมเบลล์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าว

“การปรับเปลี่ยนสินค้าของบริษัทฯ ไปสู่เทคโนโลยีวงจรแบบแนบติด (Additive Circuit Technology) ได้ดำเนินการไปมากกว่าที่เราได้คาดการณ์ไว้ โดยระหว่างไตรมาสแรกของปีนี้ มีปริมาณผลิตและส่งมอบแขนจับหัวอ่านชนิดวงจรแบบแนบติดมากกว่า 61% ของปริมาณทั้งหมด และคาดการณ์ว่า จะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 90% ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณผลิตและส่งมอบแขนจับหัวอ่านชนิดวงจรแบบแนบติดในไตรมาส 1 ของปี 2549 ซึ่งอยู่ที่ 26% ของปริมาณทั้งหมด จะเห็นได้ว่าบริษัทฯ มีส่วนแบ่งการตลาด และมีความชำนาญในการผลิตแขนจับหัวอ่านชนิดวงจรแบบแนบติดมากกว่าคู่แข่งรายใหญ่ที่สุดของบริษัทฯ ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่จะช่วยผลักดันให้ MPT ก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตแขนจับหัวอ่านที่มีความหลากหลาย และสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟได้มากขึ้นในอนาคต” นายสตีเวน เกลน แคมเบลล์ กล่าวเพิ่มเติม

นอกจากนั้น โรงงานผลิตชิ้นส่วนของแขนจับหัวอ่านชนิดวงจรแบบแนบติดของบริษัทฯ ซึ่งตั้งอยู่ ณ เมืองชางอัน สาธารณรัฐ