Thailand Focus 2007 พร้อมรับนักลงทุนจากทั่วโลก 12-14 กันยายนนี้

ตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมด้วย บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) และ Merrill Lynch (Asia Pacific) Limited ร่วมประกาศความพร้อมในการจัดงาน Thailand Focus 2007 ด้วยแนวคิด Platforms for Growth เพื่อนำเสนอข้อมูลทั้งด้านเศรษฐกิจการลงทุนมหภาค แนวนโยบายภาครัฐและบริษัทจดทะเบียนกว่า 60 แห่ง ต่อผู้บริหารระดับสูงของกองทุน ผู้จัดการกองทุน นักวิเคราะห์ และนักลงทุนสถาบันชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา แคนาดา กลุ่มประเทศยุโรป รวมทั้ง กลุ่มประเทศเอเชียประมาณ 180 คน ระหว่างวันที่ 12-14 กันยายน นี้

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การจัดงานไทยแลนด์โฟกัสปี 2547 และ ปี2548 ที่ผ่านมานั้นประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง เพราะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจาก นักลงทุนสถาบันต่างประเทศ ส่งผลให้มีการลงทุนมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับการจัดงานไทยแลนด์โฟกัส 2007 ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ จัดร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) และ Merrill Lynch ระหว่างวันที่ 12-14 กันยายน 2550 ณ โรงแรมพลาซ่าแอธินี กรุงเทพฯ นับเป็นช่วงเวลาที่มีความเหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง เพราะสถานการณ์ภายในประเทศมีความเหมาะสม โดยเฉพาะการลงประชามติเรียบร้อยไปด้วยดีและจะมีการเลือกตั้งภายในปีนี้

“การจัดงานในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอข้อมูลความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศ รวมทั้ง นักลงทุนสถาบันมีโอกาสรับฟังเป้าหมาย และยุทธศาสตร์การบริหารประเทศจากองค์กรธุรกิจจากผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยมีผู้บริหารระดับสูงของกองทุน ผู้จัดการกองทุน และนักลงทุนสถาบันชั้นนำจากประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา กลุ่มประเทศยุโรป และกลุ่มประเทศเอเชียประมาณ 90 คน ซึ่งมีทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการกว่า 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา (หรือมีมูลค่าประมาณ 105 ล้านล้านบาท) ซึ่งมีสัดส่วนการลงทุนในประเทศไทยประมาณ 8,600 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา (หรือมีมูลค่าประมาณ 3 แสนล้านบาท)

นอกจากนี้ ยังมีผู้บริหารระดับสูงและผู้จัดการกองทุนสถาบันภายในประเทศประมาณ 90 คน ซึ่งเป็นผู้ดูแลกองทุนทั้งในรูปของกองทุนหุ้น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ตอบรับในการเข้าร่วมงาน โดยมีสินทรัพย์ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทยกว่า 4 แสนล้านบาท”นางภัทรียากล่าว

การจัดงานในครั้งนี้ คณะผู้จัดงานได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นประธานเปิดงานและแสดงปาฐกถาพิเศษหัวข้อเรื่อง “This Government’s Legacy for Thailand” โดยผู้เข้าร่วมงานประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ดร.ฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รวมทั้ง ผู้บริหารระดับสูง จากธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน และสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ได้ให้เกียรติร่วมพิธีเปิดงาน ในวันที่ 12 กันยายน 2550 เวลา 09.00 น. ด้วย

“นอกจากนี้นับเป็นครั้งแรกที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เชิญตลาดหลักทรัพย์ในอาเซียนทั้งหมด 6 ประเทศ (รวมประเทศไทย) คือ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม ให้ส่งบริษัทจดทะเบียนของตนมาร่วมให้ข้อมูลเกี่ยวกับทิศทางและความท้าทายของการท่องเที่ยวของแต่ละประเทศ ซึ่งเป็นจุดแข็งของภูมิภาคนี้ นับเป็นความพยายามอย่างต่อเนื่องของตลาดหลักทรัพย์อาเซียนที่มีเป้าหมายร่วมกันที่จะสร้างความเข้มแข็งและความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดของตลาดทุนในภูมิภาค” กรรมการและผู้จัดการกล่าว

นายสุวิทย์ มาไพศาลสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทรู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เป็นผู้จัดงานร่วมในครั้งนี้ บริษัทและพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท คือ Merrill Lynch มีความพร้อมและมีประสบการณ์ในการจัดงานลักษณะนี้เป็นอย่างมาก เราทั้งสองได้ร่วมกันนำบริษัทไทยไปพบกับนักลงทุนต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยได้ร่วมกันจัดงาน Thai Corporate Day ในประเทศสิงคโปร์และฮ่องกงในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความสำเร็จเป็นอย่างดี หัวข้อในการสัมมนา เป็นหัวข้อที่อยู่ในความสนใจของนักลงทุน เช่น แนวโน้มนโยบายของประเทศภายใต้รัฐบาลชุดต่อไป พัฒนาการด้านความสามารถในการแข่งขันและแนวโน้มของกลุ่มอุตสาหกรรมที่อยู่ในความสนใจของนักลงทุน เช่น กลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน กลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสาร กลุ่มดิจิตัลแอนิเมชั่น

“ขณะนี้ บริษัทจดทะเบียนชั้นนำของเมืองไทยได้ตอบรับยืนยันเข้าร่วมให้ข้อมูลแก่นักลงทุนแล้วทั้งสิ้น 63 บริษัท จาก 15 หมวดธุรกิจ คิดเป็นมูลค่าตลาด (Market Capitalization) รวมถึง 3.98 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 65 ของมูลค่าตลาดโดยรวมทั้งหมด โดยจะนำเสนอข้อมูล ผลประกอบการ นโยบายและแผนธุรกิจ เป็นทั้งรูปแบบการนำเสนอแบบกลุ่ม (Group Presentation) และแบบรายต่อราย (One on One) ซึ่งคาดว่าจะมีการพบกันระหว่างผู้ลงทุนสถาบันกับบริษัทจดทะเบียนถึง 960 ครั้ง ตลอดช่วงระยะเวลา 3 วัน นอกจากนั้น ยังมีการเยี่ยมชมที่ทำการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนสถาบันต่างประเทศและในประเทศเข้าถึงบริษัท และได้รับประสบการณ์โดยตรง” นายสุวิทย์กล่าว

Mr.Anders Wihlborn ผู้บริหารระดับสูงจาก Merrill Lynch กล่าวว่า การจัดงาน Thailand Focus ในครั้งนี้ เป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้นักลงทุนต่างประเทศได้มีมุมมองที่ถูกต้องเกี่ยวกับเศรษฐกิจและตลาดทุนไทย โดยระยะที่ผ่านมาเมอรริล ลินช์ได้มีมุมมองต่อตลาดทุนไทยมีความน่าลงทุนในระยะสั้นเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดอื่น ๆ ในภูมิภาค เพราะเชื่อว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนจะขยายตัวอย่างก้าวกระโดด (V-shaped recovery) ทั้งนี้ พีอีของไทยก็ต่ำกว่าพีอีในภูมิภาคประมาณ 40% เนื่องจากกำไรของบริษัทไม่ขยายตัวในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาและปัญหาจากความไม่แน่นอนของกฎเกณฑ์ต่างๆ การเมือง และเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวลงทั้งในเชิงของการบริโภคและการลงทุน ทั้งนี้ คาดว่าการเมืองที่คลี่คลายจะทำให้สถานการณ์เศรษฐกิจดีขึ้น

การที่นักลงทุนต่างประเทศบางรายได้เล็งเห็นถึงพัฒนาการในเชิงบวกดังกล่าว และได้เข้ามาซื้อหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นดีกว่าตลาดอื่นๆ จากการสำรวจนักลงทุนของเมอรริล ลินช์พบว่าในปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติลงทุนในตลาดไทยเกินกว่าเกณฑ์ถึง 23%

“สำหรับการที่ต่างชาติมองว่าตลาดหุ้นไทยมีขนาดเล็กโดยมีสัดส่วนประมาณ 1.5 % ของดัชนี MSCI Asia Pacific และมีสัดส่วนไม่สูงในดัชนี MSCI สำหรับตลาดเกิดใหม่ และมีมุมมองว่านักลงทุนไม่จำเป็นต้องลงทุนในตลาดไทย เพราะตลาดหุ้นไทยมีขนาดเล็กจึงไม่ต้องกลัวว่ากองทุนของเขาจะได้รับผลกระทบใด ๆ หากไม่ถือหุ้นไทยนั้น เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนว่าตลาดหุ้นไทยจะให้ผลตอบแทนสูงอย่างต่อเนื่องในระยะยาวเพื่อโน้มน้าวให้นักลงทุนสนใจที่จะมาลงทุนในประเทศไทย ดังนั้น การจัดงาน Thailand Focus ในครั้งนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญที่จะทำให้นักลงทุนต่างชาติได้เข้าใจตลาดทุนไทยมากยิ่งขึ้น” นาย Anders กล่าว

นาย Anders กล่าวเสริมว่า นาย Ian Gisbourne ผู้กำหนดกลยุทธ์การลงทุนของภัทร ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจของเมอรริล ลินช์ ได้แนะนำให้ลงทุนในบริษัทที่มีธุรกิจเกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน การก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์ การบริการด้านสาธารณสุขและการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมปิโตรเคมี และอุตสาหกรรมการเกษตร

การจัดงานในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสื่อต่างประเทศที่ช่วยสนับสนุนในการจัดงานคือ นิตยสารเศรษฐกิจการเงินและการลงทุน Institutional Investors และ สื่อฐานข้อมูลเพื่อเศรษฐกิจการเงินและการลงทุน ชั้นนำคือ Bloomberg