จัดงาน “TIEE 2008” ผลักดันการศึกษาไทยสู่เส้นทางนานาชาติ

กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ชูนิทรรศการการศึกษานานาชาติของไทยปี 2551 หรือ TIEE 2008 นำอนาคตการศึกษาไทยสู่เส้นทางนานาชาติ เร่งขยายหลักสูตรการเรียนการสอนระดับสากล หวังรองรับนักเรียนไทยและต่างชาติที่ต้องการพัฒนาศักยภาพและทักษะทางภาษา เน้นการคิดวิเคราะห์ควบคู่กับการสร้างภาวะผู้นำ

คุณอุษา สมบูรณ์ นายกสมาคมโรงเรียนนานาชาติแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า “โรงเรียนนานาชาติในประเทศไทยมีทั้งที่นำหลักสูตรการเรียนการสอนจากต่างประเทศมาใช้ทั้งหมด และที่นำมาปรับใช้เพียงบางส่วนให้เข้ากับนักเรียน ตลอดจนมีการจัดทำหลักสูตรขึ้นเองโดยได้รับการอนุมัติจากกระทรวงศึกษาธิการ โดยส่วนมากใช้ภาษาอังกฤษในการเรียนการสอนเป็นหลัก ครอบคลุมทั้งระบบการศึกษาแบบอังกฤษ อเมริกัน ระบบการศึกษาแบบอินเตอร์เนชั่นแนล รวมทั้งหลักสูตรของประเทศต่างๆ เช่น จีน ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย สวิตเซอร์แลนด์ สิงคโปร์ และอื่นๆ โดยทุกโรงเรียนจะผ่านการตรวจประเมินจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) และองค์กรการศึกษาระดับโลกทุกๆ 5 ปี เพื่อรักษาความเป็นมาตรฐานสากล”

ทั้งนี้ ความนิยมในการส่งบุตรหลานเข้าศึกษาหลักสูตรนานาชาติในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ส่งผลให้จำนวนโรงเรียนนานาชาติในไทยมีอัตราการเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากช่วงปี 2531-2535 ที่ประเทศไทยมีโรงเรียนนานาชาติทั้งสิ้นเพียง 10 แห่ง ทำให้มีโรงเรียนนานาชาติที่เปิดสอนในระดับอนุบาลจนถึงมัธยมปลายเพิ่มเป็น 34 โรงเรียน ในระหว่างปี 2536-2540 และ 62 โรงเรียน ในระหว่างปี 2541-2545 ส่วนระหว่างปี 2546-2547 ได้มีโรงเรียนนานาชาติเพิ่มขึ้นเป็น 89 โรงเรียน จนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยมีโรงเรียนนานาชาติทั้งสิ้น 112 โรงเรียนทั่วประเทศ ชี้ให้เห็นถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนถึงปัจจุบัน

คุณอุษากล่าวว่า “หนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ประเทศไทยมีโรงเรียนนานาชาติเพิ่มขึ้นมากขนาดนี้คือการเติบโตทางเศรษฐกิจซึ่งมีผลให้มีชาวต่างชาติจำนวนมากเข้ามาลงทุนในประเทศไทย คนกลุ่มนี้ต้องการหาโรงเรียนที่ได้มาตรฐานให้กับบุตรหลาน จึงได้มีการลงทุนก่อตั้งโรงเรียนนานาชาติขึ้นเพื่อรองรับความต้องการในส่วนนี้ นอกจากนั้นยังมีผู้ปกครองชาวไทยอีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องการให้บุตรหลานได้เรียนอย่างมีความสุข มีทักษะในการคิดอย่างเป็นระบบ รู้จักวิเคราะห์และแก้ปัญหาด้วยตนเอง จึงได้ส่งบุตรหลานมาเรียนในโรงเรียนนานาชาติ ส่วนความต้องการด้านภาษาต่างประเทศก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกยุคใหม่ภาษาอังกฤษได้กลายเป็นสิ่งที่จำเป็น ในการเข้าถึงแหล่งความรู้ต่างๆ และเป็นเครื่องมือให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต”

การขยายตัวของการศึกษานานาชาติในประเทศไทยถือเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างมหาศาล เนื่องจากช่วยรักษาเงินตราไม่ให้รั่วไหลไปต่างประเทศ จากการที่ผู้ปกครองชาวไทยส่งลูกหลานเข้าเรียนโรงเรียนนานาชาติในไทยแทนการส่งไปเรียนต่างประเทศ ในขณะที่ผู้ปกครองต่างประเทศก็ได้ประโยชน์จากการประหยัดค่าใช้จ่ายในการศึกษา เพราะการศึกษานานาชาติในไทยได้มาตรฐานสากลในขณะที่มีค่าใช้จ่ายไม่สูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ โดยค่าเล่าเรียนระดับอนุบาลถึงมัธยมปลายตกปีละ 13,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 470,000 บาท ในขณะที่ค่าเล่าเรียนในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา สูงถึงปีละ 25,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 900,000 บาท

คุณอุษายังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า “การที่ผู้ปกครองนิยมส่งบุตรหลานเข้าเรียนหลักสูตรนานาชาติมากขึ้นเป็นเพราะมีความไว้วางใจในคุณภาพของโรงเรียนและคณะครูผู้สอน ซึ่งได้รับการฝึกอบรมมาอย่างดี รู้จักวิธีการสอน และการทำ brain research นอกจากนี้หลักสูตรยังออกแบบมาเพื่อให้เด็กเป็นศูนย์กลาง (child center) มีการใช้วิธีการต่างๆ หลากหลายรูปแบบเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพของผู้เรียนแต่ละกลุ่ม เพื่อให้ผู้เรียนบรรลุผลตามที่ต้องการได้สูงสุด ซึ่งทำให้นักเรียนได้เรียนอย่างมีความสุข เกิดความมั่นใจ มีการพัฒนาความรู้ควบคู่กับความเป็นผู้นำ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับโลกการทำงานสมัยใหม่”

สำหรับผู้ที่สนใจรู้ลึกในข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตรการศึกษานานาชาติของไทย ภายในนิทรรศการการศึกษานานาชาติ 2551 หรือ TIEE 2008 สมาคมโรงเรียนนานาชาติแห่งประเทศไทยจะจัด ISAT Pavilion ขึ้น เพื่อให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการเรียนหลักสูตรนานาชาติทุกระดับแก่นักเรียนและผู้ปกครองที่สนใจ พร้อมกันนั้นยังมีการจัดสัมมนาในหัวข้อ “Understanding by Design” โดย Dr. Grant Wiggins กูรูด้านการพัฒนาหลักสูตรชื่อดัง ซึ่งจะบินตรงจากอเมริกามาร่วมงานนี้โดยเฉพาะ

งาน TIEE 2008 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-3 กุมภาพันธ์ 2551 ตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์เพื่อนำเสนอข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับหลักสูตรการศึกษานานาชาติในประเทศไทย ครอบคลุมตั้งแต่ระดับอนุบาล จนถึงระดับปริญญาเอก รวมไปถึงหลักสูตรระยะสั้น หลักสูตรวิชาชีพ และตลอดรวมถึงสื่อการเรียนการสอน วัสดุอุปกรณ์ แบบเรียน เครื่องเขียน ซอฟท์แวร์ และอื่นๆ อีกมาก ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0 2512 0093-104 ต่อ 249, 311 หรือ www.thaitradefair.com