วาเลนไทน์ในกทม.ปี’51 : เงินสะพัด 970 ล้านบาท…ลดลง 3%

วันวาเลนไทน์ในปี 2551 นี้จะเป็นปีที่วัดฝีมือบรรดานักการตลาดทั้งหลายที่มีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับวันวาเลนไทน์ ดังนั้นจึงเห็นว่าบรรดาธุรกิจต่างๆเริ่มมีการโหมโรงกระตุ้นผู้บริโภคให้มีการจับจ่ายใช้สอยตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ โดยโยงทั้งตรุษจีนและเทศกาลวาเลนไทน์มาร่วมเป็นกิจกรรมทางการตลาดต่อเนื่องกัน เนื่องจากในปี 2551 นี้วันตรุษจีนนั้นตรงกับวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ซึ่งอยู่ใกล้กับวันวาเลนไทน์ที่ตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ บรรดาผู้ประกอบการต่างหวังเม็ดเงินที่จะสะพัดต่อเนื่องในช่วงตรุษจีนและเทศกาลวาเลนไทน์นี้มาช่วยให้กิจการกระเตื้องขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในเกณฑ์สูงส่งผลต่อต้นทุนการผลิตสินค้าและบริการหลากหลายประเภท ทำให้สินค้าและบริการต่างมีแนวโน้มปรับราคาสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค ทำให้ผู้บริโภคยังคงเน้นประหยัดไม่จับจ่ายใช้สอยฟุ่มเฟือย บรรดาผู้ประกอบการในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลวาเลนไทน์ต่างเร่งปรับกลยุทธ์เพื่อหวังเม็ดเงินมาประคองธุรกิจให้ฝ่าฟันกับหลากปัจจัยลบในปีนี้

วาเลนไทน์ปีชวด : เม็ดเงินสะพัด 970 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3.0
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด สำรวจ “พฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ปี 2551” ในระหว่างวันที่ 30 มกราคม- 3 กุมภาพันธ์ 2550 จำนวนกลุ่มตัวอย่าง 463 คน โดยในการสำรวจครั้งนี้เป็นการสำรวจแบบเจาะเฉพาะกลุ่ม โดยเน้นเฉพาะกลุ่มเยาวชน กลุ่มนิสิตนักศึกษา และกลุ่มผู้ที่เพิ่งจะเริ่มเข้าทำงาน ซึ่งจะมีอายุอยู่ระหว่าง 13-25 ปี เนื่องจากผลการสำรวจในช่วงหลายปีที่ผ่านมาพบว่ากลุ่มเหล่านี้เป็นเป้าหมายหลักของเทศกาลนี้ และเป็นกลุ่มกำลังซื้อหลักของเทศกาลนี้ด้วย ส่วนกลุ่มอายุอื่นๆนั้นค่าใช้จ่ายในช่วงเทศกาลนี้ไม่แตกต่างกันมากนักในแต่ละปี คาดว่าในปี 2551 นี้จะมีเม็ดเงินสะพัดทั่วกรุงเทพฯในช่วงวันวาเลนไทน์ประมาณ 970 ล้านบาท เมื่อเทียบกับในปีที่ผ่านมาแล้วเม็ดเงินสะพัดในกรุงเทพฯลดลงร้อยละ 3.0 ทั้งนี้เนื่องจากวันวาเลนไทน์ในปีนี้ตรงกับวันพฤหัส ซึ่งยังคงเป็นวันทำงาน ทำให้เป็นข้อจำกัดของหลากกิจกรรม เช่น การรับประทานอาหารนอกบ้าน การชมภาพยนตร์ เป็นต้น รวมทั้งเพิ่งจะผ่านช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งมีการจับจ่ายใช้สอยซื้อเครื่องเซ่นไหว้ การแจกอั่งเปา และบรรดาห้างร้านทั้งหลายเพิ่งจะเปิดกิจการหลังจากที่เดินทางท่องเที่ยวในช่วงวันเที่ยวของเทศกาลตรุษจีนในช่วงวันที่ 7-10 กุมภาพันธ์ 2551

เงินสะพัดวันวาเลนไทน์…หลากธุรกิจรับทรัพย์
ในปี 2551 นี้มีปัจจัยลบหลากหลายประการ โดยเฉพาะปัจจัยจากราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในเกณฑ์สูงส่งผลกระทบค่าครองชีพ โดยผ่านทางราคาสินค้าและบริการที่ต่างปรับราคาขึ้น อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับวันวาเลนไทน์ต่างก็เร่งปรับกลยุทธ์การตลาดเพื่อหาทางกระตุ้นอารมณ์การจับจ่ายใช้สอย เนื่องจากเทศกาลวาเลนไทน์นี้เป็นวันที่ผู้จับจ่ายใช้สอยมักจะใช้อารมณ์ตัดสินใจในการบริโภคมากกว่าเหตุผล โดยยอมจ่ายแม้จะรู้ว่าแพงก็ตามถ้าพึงพอใจในตัวสินค้าและบริการนั้น ดังนั้นถ้าผู้ประกอบการสามารถจับอารมณ์กลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างถูกต้องก็ยังคงสามารถโกยเงินได้เป็นกอบเป็นกำจากเทศกาลวาเลนไทน์ จากหลากหลายกิจกรรมในวันวาเลนไทน์ทำให้มีการจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าที่หลากหลาย ส่งผลให้เม็ดเงินสะพัดสู่ธุรกิจต่างๆดังจะกล่าวถึงต่อไปนี้

ค่าใช้จ่ายในช่วงวันวาเลนไทน์แยกเป็น ดังนี้
1.ค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้า จากการสำรวจค่าใช้จ่ายในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ในปี 2551 พบว่าคนกรุงเทพฯที่เป็นกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 35.9 เลือกซื้อดอกไม้ ร้อยละ 30.2 เลือกซื้อช็อคโกแล็ต ร้อยละ 1.7 ซื้อการ์ด ร้อยละ 8.6 ประดิษฐ์สิ่งของเอง ร้อยละ 7.3 เลือกซื้อของจากร้านกิ๊ฟช็อป ร้อยละ 4.5 เลือกซื้อขนม และที่เหลืออีกร้อยละ 11.8 เลือกซื้อสินค้าอื่นๆ เช่น ลูกอม สติ๊กเกอร์ เป็นต้น โดยค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์แยกเป็น ดังนี้

-ค่าใช้จ่ายในการซื้อดอกไม้ ในช่วงวันวาเลนไทน์ดอกกุหลาบนับว่าเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งทุกปี โดยเฉพาะดอกกุหลาบสีแดงและสีขาว เนื่องจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย(อายุ 13-25 ปี)ส่วนใหญ่ก็ยังยืนยันที่จะให้ดอกกุหลาบโดยเฉพาะสีแดงและสีขาวถึงร้อยละ 80.9 ทำให้ยอดจำหน่ายดอกกุหลาบในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์นี้สูงกว่าช่วงปกติประมาณ 10 เท่าตัว ซึ่งทำให้เกิดเม็ดเงินสะพัดทั้งในธุรกิจร้านจัดดอกไม้ ร้านจำหน่ายดอกไม้สด ไปจนถึงเกษตรกรผู้ปลูกดอกกุหลาบ จากการสำรวจในปีนี้บรรดาผู้ที่ต้องการมอบดอกกุหลาบในวันวาเลนไทน์นั้นตั้งงบประมาณในการซื้อดอกกุหลาบเฉลี่ย 250 บาทต่อคน อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการซื้อดอกไม้ในวันวาเลนไทน์นั้นแตกต่างกันอย่างมากเมื่อแยกกลุ่มลูกค้าที่ซื้อให้เพื่อนและซื้อให้แฟน รวมทั้งยังแตกต่างกันในกรณีที่ซื้อเป็นดอกเดี่ยวโดยไม่จัดเป็นช่อ ซื้อดอกเดี่ยวและจัดเป็นช่อ และซื้อหลายดอกและจัดเป็นช่อ

-ค่าใช้จ่ายในการซื้อช็อคโกแล็ต จากการสำรวจทุกปีที่ผ่านมารวมทั้งในปีนี้ ช็อคโกแล็ตยังคงเป็นสินค้ายอดนิยมเป็นอันดับรองจากดอกกุหลาบอีกเช่นเคย จากการสำรวจในปีนี้พบว่าคนกรุงเทพฯที่เป็นกลุ่มตัวอย่างตั้งงบประมาณในการซื้อช็อคโกแล็ตเฉลี่ย 320 บาทต่อคน โดยช็อคโกแล็ตที่นิยมซื้อคือ ช็อคโกแล็ตดำ รองลงมาคือ ช็อคโกแล็ตนมและช็อคโกแล็ตขาว ส่วนลักษณะของช็อคโกแล็ตที่นิยมเลือกซื้อคือ ช็อคโกแล็ตที่เป็นก้อน/ชิ้น รองลงมาเป็นแบบแท่ง เค็กช็อคโกแล็ต และอื่นๆ เช่น ลูกอมเคลือบช็อคโกแล็ต เป็นต้น

-ค่าใช้จ่ายในการซื้อของอื่นๆไม่รวมค่าดอกไม้และช็อคโกแล็ต สินค้ายอดฮิตคือ การ์ดวาเลนไทน์ ของประดิษฐ์ขึ้นเอง สินค้ากิ๊ฟช็อป โดยเฉพาะตุ๊กตาหมีและเสื้อผ้า และขนม อย่างไรก็ตามประเด็นที่น่าสนใจจากการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง คือ กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 8.6 เตรียมหาซื้ออุปกรณ์มาประดิษฐ์เป็นของขวัญมอบให้กับเพื่อนๆ หรือผู้เป็นที่รักเอง หรือถ้าไม่มีฝีมือด้านประดิษฐ์ก็ระบุว่าจะหาซื้อของที่ประดิษฐ์ด้วยมือให้เป็นของขวัญ เนื่องจากมีคุณค่าทางจิตใจมากกว่าและยังเป็นของที่เป็นเอกลักษณ์มากกว่าด้วย รวมทั้งยังสามารถประหยัดค่าใช้จ่าย ดังนั้นในช่วงนี้ธุรกิจที่เฟื่องฟูในช่วงวันวาเลนไทน์ที่ไม่ควรมองข้าม คือ ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ประดิษฐ์ ซึ่งแหล่งใหญ่ในกรุงเทพฯ คือ ย่านพาหุรัด-สำเพ็ง ส่วนแหล่งที่จะหาซื้อของประดิษฐ์ด้วยมือแหล่งใหญ่ในกรุงเทพฯ คือ ตลาดนัดสวนจตุจักร ดังนั้นในช่วงวันที่ 9-10 กุมภาพันธ์นี้ซึ่งเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ทั้งสองแหล่งนี้จะมีผู้คนไปเลือกหาซื้อของเพื่อมอบให้คนรักเนื่องในวันวาเลนไทน์มากเป็นพิเศษ จากการสำรวจในปีนี้พบว่าคนกรุงเทพฯที่จะเลือกซื้อของในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์นี้ตั้งงบค่าใช้จ่ายเฉลี่ยสำหรับการซื้อของ(ไม่รวมค่าดอกไม้และช็อคโกแล็ต)เฉลี่ย 310 บาทต่อคน

2.ค่าใช้จ่ายในการทำกิจกรรมอื่นๆ นอกจากการซื้อดอกไม้ ช็อคโกแล็ตและของขวัญอื่นๆเพื่อมอบให้แก่กันในช่วงวันวาเลนไทน์แล้ว การทำกิจกรรมพิเศษอื่นๆร่วมกันก็ส่งเป็นที่นิยมเช่นกันโดยเฉพาะ ดูภาพยนตร์ ช็อปปิ้ง รับประทานอาหารนอกบ้าน เป็นต้น จากการสำรวจพบว่ากิจกรรมพิเศษยอดนิยมในช่วงวันวาเลนไทน์อันดับหนึ่งคือ การรับประทานอาหารนอกบ้าน รองลงมาคือ การส่งข้อความผ่านมือถือและอินเตอร์เน็ต การโทรศัพท์คุยกันเป็นกรณีพิเศษ และการช็อปปิ้งด้วยกัน

แม้ว่าค่าใช้จ่ายในกลุ่มนี้สำหรับในปี 2551 จะลดลงเมื่อเทียบกับในปีที่ผ่านมา เนื่องจากวันวาเลนไทน์ในปีนี้ตรงกับวันทำงาน อย่างไรก็ตามคนกรุงเทพฯที่เป็นกลุ่มตัวอย่างบางส่วนระบุว่าจะหันไปเลือกทำกิจกรรมพิเศษสำหรับเทศกาลวาเลนไทน์ในวันที่ 9-10 กุมภาพันธ์แทน ซึ่งถือเป็นโอกาสได้ท่องเที่ยวร่วมกันกับแฟนหรือคนรักในช่วงวันเที่ยวของเทศกาลตรุษจีน และมีกลุ่มตัวอย่างบางส่วนระบุว่าจะลาหยุดงานวันที่ 15 กุมภาพันธ์ มาทำงานอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ โดยถือโอกาสเป็นวันหยุดยาวเดินทางท่องเที่ยวร่วมกันกับคนรัก

ซึ่งเม็ดเงินที่สะพัดในธุรกิจต่างๆที่เกี่ยวข้องกับวันวาเลนไทน์นั้นเชื่อมโยงกับค่าใช้จ่ายต่างๆของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยธุรกิจที่ได้อานิสงส์อย่างมากในช่วงวันวาเลนไทน์คือ

1.ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับดอกไม้ ในช่วงก่อนจะถึงเทศกาลวันแห่งความรักประมาณ 1 สัปดาห์ เป็นช่วงที่เกษตรกรผู้ปลูกกุหลาบได้ลืมตาอ้าปาก ประเด็นที่ต้องพิจารณาถึงโอกาสในการสร้างกำไรของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับดอกไม้ คือ

-ปริมาณดอกกุหลาบที่เข้าสู่ตลาดในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ผลโดยตรงกับปริมาณดอกกุหลาบคือ สภาพอากาศ โดยคาดว่าในช่วงวันวาเลนไทน์ปี 2551 นี้ปริมาณกุหลาบน่าจะมีปริมาณเพียงพอกับความต้องการและราคาไม่สูงมากนัก เนื่องจากยังไม่มีข่าวเกี่ยวกับปริมาณผลผลิตกุหลาบที่จะเสียหายจากสภาพอากาศที่แปรปรวน โดยเฉพาะแหล่งปลูกกุหลาบที่เชียงราย รวมทั้งยังไม่มีรายงานถึงผลกระทบของภาวะหิมะที่ตกอย่างหนักในจีนต่อปริมาณการผลิตกุหลาบ เนื่องจากแหล่งผลิตกุหลาบที่สำคัญของจีนอยู่ในเมืองคุนหมิง มณฑลยูนาน ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของจีน นอกจากนี้เมื่อสอบถามทางร้านค้าและชาวสวนแล้วคาดว่าราคาจะใกล้เคียงเมื่อเทียบกับในปีที่ผ่านมา ดังนั้น บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดว่าราคาดอกกุหลาบในช่วงวันวาเลนไทน์ในปีนี้จะปรับขึ้นอยู่ในเกณฑ์ปกติคือ เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 60-100 จากช่วงปกติ ซึ่งนับว่าใกล้เคียงกับในปีที่ผ่านมา จากการสำรวจทุกปีที่ผ่านมาพบว่า กลุ่มลูกค้าหลักเป็นวัยรุ่นและวัยทำงาน ซึ่งดอกไม้ที่ได้รับความนิยมสูงสุดยังคงดอกกุหลาบสีแดงและขาว รองลงมาคือ ดอกคาร์เนชั่น และทิวลิป

-กุหลาบจากจีนเข้ามาตีตลาดกุหลาบของไทย นับตั้งแต่กุหลาบของจีนเข้ามาตีตลาดกุหลาบไทย ทำให้ในช่วงวันวาเลนไทน์ที่ราคาดอกกุหลาบเพิ่มสูงขึ้นนั้นไม่ใช่เป็นช่วงที่เกษตรกรผู้ปลูกกุหลาบของไทยจะสามารถกอบโกยรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำเช่นในอดีต โดยกุหลาบจากจีนเข้าไปยึดกุหลาบตลาดบน โดยราคาจำหน่ายใกล้เคียงกับกุหลาบตลาดบนของไทยที่มีแหล่งผลิตในเชียงรายและเชียงใหม่ ในขณะที่คุณภาพนั้นใกล้เคียงกับกุหลาบที่นำเข้าจากเนเธอร์แลนด์ ดังนั้นเกษตรกรผู้ปลูกกุหลาบของไทยคงต้องปรับตัวไปเป็นการผลิตกุหลาบตกเกรด โดยความต้องการของกุหลาบตกเกรดในประเทศยังอยู่ในเกณฑ์สูง ในขณะที่ต้นทุนการผลิตอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำกว่าการผลิตกุหลาบป้อนตลาดบน เนื่องจากสามารถผลิตได้บนพื้นที่ราบของจังหวัดเชียงราย

สำหรับธุรกิจที่เกี่ยวกับดอกไม้ที่รับทรัพย์ในช่วงวันวาเลนไทน์แยกออกเป็น ร้านจัดดอกไม้และร้านขายดอกไม้ กุหลาบแดงเป็นสัญญลักษณ์ของวันวาเลนไทน์ ทำให้ในช่วงวาเลนไทน์ของทุกปีราคาดอกกุหลาบสีแดงจึงพุ่งขึ้นอย่างน่าตกใจ ส่วนร้านจัดดอกไม้มีดอกกุหลาบให้บริการแก่ลูกค้าทั้งดอกกุหลาบในประเทศและดอกกุหลาบต่างประเทศ ซึ่งดอกกุหลาบในประเทศนั้นแต่ละร้านที่มีร้านเจ้าประจำที่ตลาดปากคลองตลาด และมีแหล่งซื้อสำรอง คือ ตลาดมีนบุรี และตลาดสี่มุมเมือง เนื่องจากในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ความต้องการดอกกุหลาบมีมาก จนบางครั้งทำให้ดอกกุหลาบขาดตลาด โดยเฉพาะดอกกุหลาบสีแดง อย่างไรก็ตาม ในปี 2550 ที่ผ่านมาบรรดาร้านจัดดอกไม้มียอดสั่งจองดอกไม้ลดลงถึงร้อยละ 20.0 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา ทำให้บรรดาร้านจัดดอกไม้ต้องปรับกลยุทธ์โดยการพัฒนารูปแบบการจัดดอกไม้และเพิ่มลูกเล่นในด้านอุปกรณ์ตกแต่ง ทั้งนี้เพื่อเรียกร้องความสนใจจากลูกค้า ซึ่งคาดว่าในปี 2551 ยอดจำหน่ายดอกไม้ของบรรดาร้านจัดดอกไม้น่าจะอยู่ในเกณฑ์ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ธุรกิจรับสั่งดอกไม้ออนไลน์ ก็เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่ได้รับอานิสงส์ช่วงวันวา-เลนไทน์ โดยปัจจุบันเวบไซต์จำหน่ายดอกไม้ของไทยเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น โดยยอดคำสั่งซื้อในวันวา-เลนไทน์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งหากเทียบกับช่วงปกติแล้วยอดสั่งซื้อในวันวาเลนไทน์เพิ่มขึ้น 30-40 เท่าตัว นับว่าเป็นจุดดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนทำเว็บไซต์เพื่อจำหน่ายดอกไม้กันมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีเว็บไซต์จำหน่ายดอกไม้ประมาณ 20 เว็บไซด์ โดยเว็บไซต์ขายดอกไม้ต่างๆ มีจุดเด่นและรูปแบบทางธุรกิจที่หลากหลายและน่าสนใจ เป็นเงื่อนไขหนึ่งที่ทำให้เว็บไซต์ขายสินค้าประเภทนี้มีอนาคตสดใส ขณะเดียวกันก็กำลังพัฒนาให้มีสินค้าที่หลากหลายขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้า โดยเฉพาะสินค้าประเภทของขวัญในเทศกาลต่างๆ เช่น ตุ๊กตา เค้ก บัตรอวยพร เป็นต้น โดยจะไม่จำกัดคำสั่งซื้ออยู่เฉพาะดอกไม้เพียงอย่างเดียว

2.ร้านจำหน่ายช็อคโกแล็ตและขนม จากการสำรวจพบว่าช็อคโกแล็ตเป็นขนมหวานยอดนิยมสำหรับในช่วงวันวาเลนไทน์ ซึ่งในต่างประเทศช็อคโกแล็ตเป็นของขวัญที่นิยมให้กันเพื่อแสดงถึงความรัก โดยการให้ช็อคโกแล็ตในวันวาเลนไทน์นั้นถือว่าเป็นการมอบสิ่งที่แทนความรู้สึกที่ดีทั้งหมดของผู้ให้ส่งถึงผู้รับ ซึ่งเป็นการความหมายที่ชัดเจนว่า “รัก” และ “ความปรารถนาที่ดีต่อกัน” โดยเฉพาะญี่ปุ่นถือว่าการให้ช็อคโกแล็ตนั้นเป็นการบอกรักอีกวิธีหนึ่งสำหรับหญิงสาว ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่นิยมให้ช็อคโก-แล็ต เนื่องในวันวาเลนไทน์คือ กลุ่มเด็กที่อายุต่ำกว่า 13 ปีและกลุ่มวัยรุ่น อย่างไรก็ตามในปีนี้คู่แข่งที่มาแรงของช็อคโกแล็ตคือ ขนมไทย เนื่องจากกระแสรณรงค์นิยมไทย ทำให้ขนมไทยเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งที่จะเป็นตัวแทนความรักในช่วงวันวาเลนไทน์

นอกจากนี้บริษัทที่ผลิตเบเกอรี่ก็มีการใช้เทศกาลวาเลนไทน์ในการส่งเสริมการขาย เช่น บริษัทที่ผลิตคุกกี้ และโดนัทเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์เป็นรูปหัวใจ หรือรูปแบบของผลิตภัณฑ์เป็นรูปหัวใจ เพื่อมอบเป็นของขวัญให้กันในช่วงเทศกาลนี้ เพิ่มเมนูพิเศษ หรือจัดกิจกรรมให้กับคู่รักที่เข้ามาซื้อสินค้าในวันวาเลนไทน์ เป็นต้น

3.ธุรกิจบัตรอวยพร ยอดจำหน่ายตามประเภทของบัตรอวยพรจะพบว่า บัตรอวยพรในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่มียอดจำหน่ายร้อยละ 40 ของยอดจำหน่ายบัตรอวยพรทั้งหมด บัตรอวยพรช่วงเทศกาลวาเลนไทน์มียอดจำหน่ายร้อยละ 20-30 ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 30-40 เป็นยอดจำหน่ายของบัตรอวยพรในโอกาสต่างๆ ที่ในวงการค้าเรียกกันว่าการ์ดกลางปี เช่น บัตรอวยพรวันเกิด แสดงความยินดีในโอกาสต่างๆ เป็นต้น จะเห็นได้ว่าในช่วงวันวาเลนไทน์นับว่าเป็นเทศกาลหนึ่งที่บัตรอวยพรนั้นขายดิบขายดี แม้ว่าตลาดบัตรอวยพรจะถูกบัตรอวยพรทางอิเล็กทรอนิกส์แย่งตลาดไปบางส่วน แต่ในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์นั้นนิยมให้บัตรอวยพรควบคู่ไปกับดอกกุหลาบสีแดง บัตรอวยพรในช่วงวาเลนไทน์ที่ขายดีจะเป็นบัตรอวยพรในระดับราคาตั้งแต่ 8-28 บาท ซึ่งมีลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเป็นวัยรุ่น

จากการสัมภาษณ์ผู้ประกอบการบัตรอวยพรรายใหญ่ๆ ในประเทศไทย ต่างลงความเห็นว่ายอดจำหน่ายบัตรอวยพรสำหรับเทศกาลวันวาเลนไทน์ในปีนี้น่าจะทรงตัวพอๆ กับปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เนื่องจากคนไทยหันไปนิยมการส่งอี-การ์ดหรือการส่งข้อความผ่านทางอี-เมล์แทน อย่างไรก็ตามบัตรอวยพรในเทศกาลวันวาเลนไทน์นั้นยังมียอดจำหน่ายที่น่าพอใจ โดยกลุ่มเป้าหมายที่ให้ความสำคัญกับเทศกาลวันวาเลนไทน์ยังนิยมซื้อบัตรอวยพรส่งไปพร้อมกับดอกไม้หรือของขวัญ

4.ร้านกิ๊ฟท์ช็อป ในปีนี้ช่วงเทศกาลวาเลนไทน์มีแนวโน้มว่ากิจการของร้านกิ๊ฟท์ช็อปจะดีกว่าในช่วงปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะร้านกิ๊ฟท์ช็อปที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า และย่านการค้าที่บรรดาวัยรุ่นนิยมไปจับจ่ายซื้อของ เช่น ตลาดจตุจักร เป็นต้น ผู้ประกอบการต่างหวังว่ายอดจำหน่ายจะกระเตื้องขึ้นในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์เมื่อเทียบกับในปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้ประกอบการต้องพลิกแพลงกลยุทธ์ทุกรูปแบบขึ้นมาสู้กันเพื่อดันยอดจำหน่ายของร้านให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ เนื่องจากยอดจำหน่ายของร้านกิ๊ฟท์ช็อปร้อยละ 60-70 ของยอดจำหน่ายทั้งหมดขึ้นอยู่กับช่วงเทศกาล

5.ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า บรรดาร้านอาหารต่างๆ เตรียมตัวรับเทศกาลวันวาเลนไทน์กันอย่างคึกคัก โดยถือว่าเป็นโอกาสโกยกำไรกันอีกช่วงหนึ่ง โดยเฉพาะร้านอาหารที่มีบรรยากาศดีๆ หรือร้านอาหารที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า แม้ว่าวันวาเลนไทน์ปีนี้ตรงกับวันพฤหัส คาดว่าร้านอาหารบรรยายกาศดีๆที่จะมีการฉลองล่วงหน้าก่อนวันวาเลนไทน์ และร้านอาหารที่อยู่ในห้างสรรพสินค้านั้นจะมีโอกาสดีเป็นพิเศษ เนื่องจากในวันนั้นบรรดาหนุ่มสาว และวัยรุ่นจะมีกิจกรรมอยู่ที่ห้างสรรพสินค้า โดยเฉพาะการเดินเลือกซื้อของ และดูภาพยนตร์ โดยคาดว่าบรรยกาศจะคึกคักตั้งแต่วันที่ 9-10 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ล่วงหน้าก่อนวันวาเลนไทน์

6.ธุรกิจสื่อสารไฮเทค ธุรกิจสื่อสารไฮเทคนี้นับว่าเป็นกามเทพยุคใหม่ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ต สำหรับธุรกิจที่ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ คาดว่าเทศกาลวันวาเลนไทน์ปี 2551 นี้จะมีผู้ใช้บริการส่งเอสเอ็มเอสและเอ็มเอ็มเอสเพิ่มขึ้น โดยจากสถิติของผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ระบุว่าในช่วงวันวาเลนไทน์ของทุกปีการส่งเอสเอ็มเอสเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 15 และการส่งเอ็มเอ็มเอสเพิ่มขึ้นถึง 1 เท่าตัวของช่วงปกติ ซึ่งทางบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือได้เตรียมความสามารถในการรองรับการใช้บริการ และเริ่มมีการจัดโปรโมชั่นในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ด้วย เช่นบริการดาว์นโหลดข้อความ เพลงและภาพฟรี เป็นต้น รวมทั้งมีการดึงเอาเทศกาลวาเลนไทน์มาจัดกิจกรรมทางการตลาดเพื่อดึงให้ผู้ใช้บริการเข้ามาใช้บริการมากขึ้นด้วย

สำหรับธุรกิจที่ให้บริการอินเทอร์เน็ต ในช่วงวาเลนไทน์จะส่งข้อความผ่านอี-เมล์หรืออี-การ์ดให้กับคนพิเศษ โดยลักษณะการใช้บริการผ่านอินเทอร์เน็ตในช่วงวันวาเลนไทน์มี 2 ประเภท คือการใช้บริการฝากข้อความผ่านอินเตอร์เนตของโทรศัพท์มือถือ และการส่งบัตรอวยพรอิเล็กทรอนิกส์(E-card) การส่งบัตรอวยพรอิเล็กทรอนิกส์นับว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการแสดงความรักที่มีผู้นิยมใช้กันมาก ทั้งนี้การส่งบัตรอวยพรแบบนี้มีความสะดวก รวดเร็ว และมีราคาถูก ทำให้ได้รับความนิยมมากกว่าการส่งบัตรอวยพร

บทสรุป
วันวาเลนไทน์เป็นอีกวันหนึ่งที่บรรดาธุรกิจต่างรอคอยด้วยความหวังว่าเทศกาลนี้จะมาช่วยกระตุ้นยอดจำหน่ายสินค้าและบริการ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังซบเซาและราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในเกณฑ์สูง ทำให้ผู้บริโภคลดการจับจ่ายใช้สอยลงในช่วงที่ผ่านมา สำหรับในปี 2551 นี้วันวาเลนไทน์ตรงกับวันพฤหัส ทำให้คาดหมายว่ากิจกรรมต่างๆในวันวาเลนไทน์ปีนี้จะคึกคักตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ไปจนถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ โดยบรรดาผู้ที่ให้ความสำคัญกับเทศกาลวาเลนไทน์ต่างนัดหมายกันไปจับจ่ายซื้อของกันล่วงหน้า สินค้ายอดฮิตที่จะมีการมอบให้กันในวันวาเลนไทน์นั้นยังคงเป็นดอกกุหลาบ โดยเฉพาะดอกกุหลาบสีแดงและสีขาว คาดหมายว่าราคาดอกกุหลาบในปีนี้จะใกล้เคียงกับในปีที่ผ่านมา ซึ่งนับว่าราคาไม่แพงมากนัก เนื่องจากปริมาณกุหลาบในประเทศมีปริมาณมากเพียงพอกับความต้องการ และกุหลาบนำเข้าก็มีกุหลาบจากจีนมาทดแทนกุหลาบจากเนเธอร์แลนด์ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ยอดจำหน่ายดอกกุหลาบในปีนี้เพิ่มขึ้น ดังนั้นในช่วงวันวาเลนไทน์กิจการร้านจัดดอกไม้ เกษตรกรและผู้ค้าดอกไม้ต่างได้รับประโยชน์จากเงินสะพัดกันถ้วนหน้า อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาโดยรวมแล้ว คาดว่าในปี 2551 นี้เงินสะพัดทั่วกทม.ในช่วงวันวาเลนไทน์จะอยู่ที่ประมาณ 970 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3.0 จากปีก่อนหน้า อันเป็นผลเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจ

กิจกรรมยอดฮิตในช่วงวันวาเลนไทน์คือ การบอกรักผ่านกามเทพไฮเทคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ อินเทอร์เน็ตโดยการฝากข้อความ/รูปภาพ/เพลง การส่งการ์ดออนไลน์ และการสั่งดอกไม้ออนไลน์ ซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้นตามลำดับ คาดว่าในช่วงวันวาเลนไทน์มีเม็ดเงินสะพัดในธุรกิจเหล่านี้ไม่น้อยทีเดียว นอกจากนี้กิจกรรม 5 อันดับแรกที่นิยมทำในวันวาเลนไทน์คือ รับประทานอาหารนอกบ้าน โทรศัพท์คุยกันเป็นกรณีพิเศษ ดูภาพยนตร์ ส่งข้อความ/รูปภาพผ่านโทรศัพท์มือถือ และช็อปปิ้ง ซึ่งหลากหลายกิจกรรมเหล่านี้ก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัดในหลากหลายธุรกิจเช่นกัน