จีเอ็มฉลองครบ 100 ปี ใน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 29

• ครั้งแรกในเมืองไทย เปิดตัวกระบะใช้ก๊าซธรรมชาติ เชฟโรเลต โคโลราโด CNG
• แคปติวารุ่นพิเศษ Centennial White Edition ฉลองการก้าวสู่ศตวรรษที่ 2
• พบกับรูปแบบใหม่ของ เชฟโรเลต พาวิลเลี่ยน ตกแต่งพิเศษในสไตล์ Dynamic

จีเอ็มเตรียมฉลองครบ 100 ปี ในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 29 สร้างปรากฎการณ์ใหม่ ครั้งแรก ในเมืองไทย เปิดตัว เชฟโรเลต โคโลราโด CNG กระบะใช้ก๊าซธรรมชาติ พร้อมเปิดตัวรถอเนกประสงค์ เอสยูวี เชฟโรเลต แคปติวา รุ่นพิเศษ Centennial White Edition ฉลองการขึ้นสู่ศตวรรษใหม่ของจีเอ็ม เพียง 200 คันเท่านั้น ภายในงานเตรียมพบกับ เชฟโรเลต พาวิลเลี่ยน ที่มากับแนวคิดแห่งความเคลื่อนไหว “The Dynamic”

บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เตรียมการฉลองครบรอบ 100 ปี ให้กับ “จีเอ็ม” เจนเนอรัล มอเตอร์ส ที่กำลังจะมาถึงในเดือนกันยายน ปี 2551 นี้ ด้วยการสร้างปรากฎการณ์ระดับประเทศ ภายในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 29 ระหว่างวันที่ 28 มีนาคม ถึง 6 เมษายน 2551

“ปีนี้ เป็นวาระสำคัญสำหรับ จีเอ็มและเชฟโรเลต เนื่องจากในเดือนกันยายนนี้ จีเอ็มจะครบรอบ 100 ปี ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงปีที่ยิ่งใหญ่สำหรับพวกเราทุกคน แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความเป็นสถาบันรถยนต์ระดับโลกที่มีความมั่นคงมายาวนาน ในงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้ จึงเหมือนเป็นการเตรียมงานฉลองล่วงหน้าให้กับจีเอ็ม เราจึงต้องการสร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้กับประเทศไทย นั่นคือ การเปิดตัว รถกระบะ เชฟโรเลต โคโลราโด CNG ที่เป็นกระบะคันแรกในเมืองไทยที่ใช้ระบบเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ นอกจาก โคโลราโด CNG จะเป็นรถที่ให้ความประหยัดพลังงานมากขึ้นแล้ว ยังเป็นการสนองนโยบายของจีเอ็มที่เหมือนกันทั่วโลก นั่นคือ การแสวงหาพลังงานทดแทน ลดการใช้น้ำมัน และลดมลพิษ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของประเทศไทย ที่ต้องการให้ร่วมมือกันประหยัดพลังงาน ลดการนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศ” มร.สตีเฟน คาร์ไลส์ ประธานกรรมการ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส เซาท์อีสต์เอเชีย โอเปอเรชั่นส์ จำกัด และ บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

มร. คาร์ไลส์ กล่าวต่อไปอีกว่า “เนื่องจากจีเอ็มกำลังจะก้าวขึ้นสู่ศตวรรษที่ 2 เราจึงได้เปิดตัวรถยนต์อเนกประสงค์ เอสยูวี เชฟโรเลต แคปติวา รุ่นพิเศษ Centennial White Edition ขึ้นมาอีกรุ่น เพื่อให้เป็นรุ่นฉลองครบรอบ 100 ปี การก่อตั้ง บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น และจะมีการผลิตออกมาจำกัดเพียง 200 คัน เท่านั้น เพื่อแสดงถึง การก้าวขึ้นสู่ศตวรรษใหม่ของจีเอ็ม ซึ่งผมเชื่อมั่นว่าทุกท่านจะถูกใจกับรถใหม่ทั้ง 2 รุ่นของเราที่จะเปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์ และผมก็หวังว่างานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 29 นี้ จะเป็นจุดเริ่มต้น ในการกระตุ้นตลาดรถยนต์ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง”

สำหรับรถกระบะระบบเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ CNG คันแรกของเมืองไทย เชฟโรเลต โคโลราโด CNG ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการด้านความประหยัดเชื้อเพลิงให้กับการใช้รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ และสร้างทางเลือกในการใช้พลังงานให้กับผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ซึ่งรถกระบะ เป็นรถที่มีความต้องการในการใช้งานมากที่สุดในประเทศไทย

เชฟโรเลต โคโลราโด CNG เป็นรถกระบะเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.5 ลิตร ใช้ระบบจ่ายเชื้อเพลิงผสมแบบ ดูอัลฟิว (Dual fuel) เป็นระบบจ่ายเชื้อเพลิงผสม โดยใช้น้ำมันดีเซลร่วมกับก๊าซธรรมชาติ CNG ไปพร้อมๆ กัน ในสัดส่วน ใช้ก๊าซ CNG 65% และน้ำมันดีเซล 35% ซึ่งโดยปกติ เชฟโรเลต โคโลราโด เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร นั้นเป็นรุ่นที่เน้นให้ความประหยัดสูงสุด เมื่อสามารถใช้น้ำมันดีเซลร่วมกับก๊าซธรรมชาติ ก็จะยิ่งทำให้มีความประหยัดมากยิ่งขึ้น เนื่องจากราคาของก๊าซธรรมชาติ CNG อยู่ที่ 8.50 บาท/กก.ถูกกว่าน้ำมันดีเซลถึงกว่า 3 เท่าตัว ขณะเดียวกันเครื่องยนต์ดีเซลของเชฟโรเลตทุกรุ่น ยังสามารถใช้น้ำมันดีเซล บี2 และ บี5 โดยไม่เกิดปัญหาใดๆ ต่อเครื่องยนต์ ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ผู้ใช้งาน เชฟโรเลต โคโลราโด CNG สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงมากยิ่งขึ้น

นอกจากในส่วนที่ โคโลราโด CNG ให้ความประหยัดและสร้างทางเลือกในการใช้เชื้อเพลิงมากยิ่งขึ้นแล้ว ยังช่วยลดปัญหาด้านมลพิษ เนื่องจากก๊าซธรรมชาติ CNG เป็นเชื้อเพลิงที่สะอาด ปลอดเขม่าควันดำ และมีฝุ่นละอองน้อย นั่นจึงสามารถช่วยลดปริมาณมลพิษที่ออกมาจากท่อไอเสียอีกด้วย

ในด้านการใช้งาน เชฟโรเลต โคโลราโด CNG ก็ไม่ได้มีความซับซ้อนยุ่งยากแต่อย่างใด ยังสามารถใช้งานเหมือนการขับขี่รถกระบะทั่วๆ ไป เพียงแต่เป็นเครื่องยนต์ที่ใช้ระบบเชื้อเพลิงร่วม ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกระบบการจ่ายเชื้อเพลิงได้ ด้วยการกดปุ่มควบคุมเลือกใช้เชื้อเพลิง โดยสามารถเลือกใช้เชื้อเพลิงร่วมระหว่างดีเซลกับก๊าซธรรมชาติ หรือใช้น้ำมันดีเซลเพียงอย่างเดียวก็สามารถทำได้ ซึ่งนั่นทำให้ผู้ขับขี่สามารถอุ่นใจในกรณีที่ไม่สามารถหาสถานีเติมก๊าซธรรมชาติได้ ขณะเดียวกันหากท่านกำลังใช้ระบบเชื้อเพลิงร่วมแล้วก๊าซธรรมชาติหมด จะมีสัญญาณไฟเตือนสีส้มที่บริเวณปุ่มควบคุมการเลือกใช้เชื้อเพลิงสว่างขึ้น ซึ่งเครื่องยนต์จะกลับไปใช้น้ำมันดีเซลเพียงอย่างเดียวโดยอัตโนมัติ ส่วนถังบรรจุก๊าซ CNG ในโคโลราโดจะอยู่ที่ส่วนกระบะ เป็นถังบรรจุขนาด 70 ลิตร หรือประมาณ 9.1 กิโลกรัม เท่ากับถังบรรจุก๊าซ CNG ในเชฟโรเลต ออพตร้า CNG นอกจากนี้การใช้ก๊าซ CNG นั้นยังมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เพราะปัจจุบันมีสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ CNG ที่เปิดให้บริการแล้วถึง 160 แห่ง ทั่วประเทศ

ขณะเดียวกันกระบะโคโลราโด CNG ก็ยังคงความแข็งแกร่ง ทนทาน เหมาะสมสำหรับการใช้งานสมบุกสมบันทุกประเภทเหมือนกับโคโลราโดทุกรุ่น และเมื่อให้ความประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น นั่นจะช่วยลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ การใช้งานพาณิชย์ การขนส่งสินค้าหรือขนส่งทางการเกษตร อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศ เชฟโรเลต โคโลราโด CNG จึงเป็นคำตอบของรถกระบะ “ทนตัวจริง ประหยัดจริง”

โคโลราโด CNG มีให้เลือกใช้งานทั้งในแบบ กระบะตอนเดียว S-Cab 2.5 ลิตร กระบะตอนครึ่ง X-Cab 2.5 ลิตร ทั้งในรุ่น LS รุ่น LS1 และรุ่น LT ยังมอบความมั่นใจกับการรับประกันคุณภาพนาน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และยังอุ่นใจกับบริการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ทั่วประเทศ ฟรี 3 ปี

ส่วน เชฟโรเลต แคปติวา รถอเนกประสงค์ เอสยูวี Centennial White Edition เป็นรถรุ่นพิเศษ ที่ผลิตขึ้นมาจำนวนจำกัดเพียง 200 คัน โดยจะเป็นสีพิเศษสีขาวมุก เมทัลลิก เพิร์ล (Metallic Pearl) พร้อมกับเสริมบันไดข้างเป็นสีเดียวกับตัวรถ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการ ขึ้น-ลง รถมากยิ่งขึ้น ซึ่งแคปติวารุ่นพิเศษนี้จะมีเฉพาะในรุ่น LT หรือ รุ่นท็อป ทั้งในแบบเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร โดยจะผลิตตามสัดส่วนความต้องการของลูกค้า สำหรับแคปติวา รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร จะมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1.48 ล้านบาท ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร มีราคาอยู่ที่ 1.58 ล้านบาท

นอกจาก รถยนต์ใหม่ 2 รุ่น ที่จะเปิดตัวภายในงานมอเตอร์โชว์แล้ว เชฟโรเลต ยังนำรถรุ่นอื่นๆ มาจัดแสดงไว้ด้วย รวมทั้งหมด 18 คัน ทั้ง เชฟโรเลต อาวีโอ เชฟโรเลต ออพตร้า เชฟโรเลต ออพตร้า CNG เชฟโรเลต ออพตร้า เอสเตท CNG และ เชฟโรเลต โคโลราโด

ในส่วนของบูธเชฟโรเลต ในงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้ จะยังคงรูปแบบมีชั้นลอยอยู่เช่นเดิม แต่สีสันจะเปลี่ยนจากสีดำที่เคร่งขรึม มาเป็นโทนสีน้ำเงินที่เป็นสีของจีเอ็ม เพื่อฉลองการครบรอบ 100 ปี ขณะเดียวกันจะใช้แนวคิดแห่งความเคลื่อนไหว หรือ The Dynamic จากทั้งจอภาพ LCD ขนาดใหญ่สำหรับการแสดงต่างๆ พร้อมมีสแตนด์แสดงภาพที่จะหมุนเคลื่อนตัวอยู่ตลอดเวลา เพื่อแสดงให้เห็นถึงการไม่หยุดนิ่ง ความพร้อมในการปรับเปลี่ยนและพัฒนาของจีเอ็มอย่างต่อเนื่อง

สำหรับแคมเปญส่งเสริมการขายภายในงาน จะใช้แคมเปญ ทริปเปิ้ล ซีโร่ (Triple Zero) คือ ดาวน์ 0% ดอกเบี้ย 0% และจ่ายค่าประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี 0 บาท *