เอพีซีรุกตลาดอินโดจีนอย่างจริงจัง เน้นจัดกิจกรรมเชิงรุกชิงแชร์ยูพีเอส

เอพีซี เล็งเห็นศักยภาพตลาดประเทศเพื่อนบ้าน เผยแผนรุกตลาดอินโดจีนเต็มสูบ ทั้งพม่า ลาว และกัมพูชา โดยเน้นจัดกิจกรรมประเภทสัมมนาให้ความรู้ความเข้าใจในตัวผลิตภัณฑ์ให้กับผู้แทนจำหน่าย และกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คาดปีนี้มูลค่าตลาดรวมโตกว่า 100 % โดยมีปัจจัยมาจากการขยายตัวของนิคมอุตสาหกกรม และโครงการสร้างเขื่อนของประเทศเพื่อนบ้าน

นางสาว ดุษฎี ทองไทย ผู้จัดการฝ่ายช่องทางจัดจำหน่าย (อินโดจีน) เอพีซี หน่วยธุรกิจด้านการจัดการพลังงาน และระบบปรับอากาศในเครือของชไนเดอร์ อิเล็คทริค เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานในขณะนี้ว่า เอพีซี ได้เตรียมแผนการบุกตลาดผลิตภัณฑ์ยูพีเอส และดาต้า เซ็นเตอร์ โซลูชั่นขนาดเล็กไปยังตลาดประเทศเพื่อนบ้านในแถบอินโดจีน ได้แก่ พม่า ลาว และกัมพูชา ในปีนี้อย่างจริงจังภายหลังจากที่ได้เริ่มบุกเบิกตลาดในช่วงก่อนหน้านี้มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เข้าใจและเติมเต็มความต้องการของลูกค้าในแถบอินโดจีนให้ได้ครบถ้วนสมบูรณ์ เราจะใช้แผนการตลาดและยุทธวิธีต่างๆ ให้เหมาะสมกับตลาดท้องถิ่นนั้นๆ รวมทั้งการจัดสัมมนาที่ถูกออกแบบให้เหมาะสมกับตลาดในแถบนี้โดยเฉพาะ

สำหรับแนวทางในการขยายตลาดจะร่วมมือกับผู้แทนจำหน่าย 5 รายที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการใน 3 ประเทศอย่างใกล้ชิด โดยในลาวได้แต่งตั้งดาต้าคอมเป็นผู้ดูแลตลาด ขณะที่ในกัมพูชาได้แต่งตั้งเฟิร์ส แคมโบเดีย & ดิสทรีไบท์ และ ดีม คอมพิวเตอร์ ส่วนในพม่าได้แต่งตั้งมาเจสต้าเป็นผู้ทำตลาด โดยเน้นการจัดสัมมนาให้ความรู้ความเข้าใจในตัวผลิตภัณฑ์เครื่องสำรองกระแสไฟฟ้าแบบ 1 เฟสให้กับผู้แทนจำหน่ายของแต่ละประเทศอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังได้เตรียมแผนการจัดงานสัมมนาให้ความรู้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในแต่ละประเทศโดยเฉพาะในกลุ่มธนาคาร พลังงาน เทเลคอมมูนิเคชั่น และหน่วยงานราชการเป็นหลัก รวมทั้งการทุ่มงบประมาณโฆษณาและการจัดโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่อง

“เราได้เริ่มเข้าไปบุกเบิกตลาดอินโดจีนเมื่อ 6 ปีที่ผ่านมาโดยได้เข้าไปแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายรายแรกในกัมพูชาคือ ดีม คอมพิวเตอร์ เนื่องจากมีแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจค่อนข้างสูงโดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าประเภทธนาคาร ส่วนในลาวแนวโน้มตลาดเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้เป็นผลมาจากการที่รัฐบาลได้ตั้งนิคมอุตสาหกรรมอย่างเป็นทางการและได้มีการสร้างเขื่อนเพื่อขายพลังงานให้กับประเทศเพื่อนบ้าน” นางสาวดุษฎี กล่าว และว่า ตลาดในแถบอินโดจีนมีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยเฉพาะในประเทศลาว และกัมพูชา ซึ่งคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตในปีนี้ประมาณ 100 % ในแง่ของยอดจำหน่าย

เมื่อเร็วๆ นี้ เอพีซี ได้เชิญผู้แทนจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจาก 3 ประเทศ ประกอบด้วย ลาว, พม่า และกัมพูชา จำนวน 10 คนเข้ารับการอบรม ณ กรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก ภายใต้หัวข้อ “APC-MGE Indo-China Training” เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เครื่องสำรองกระแสไฟฟ้า ระบบไฟฟ้า รวมไปถึงดาต้า เซ็นเตอร์ภายใต้แบรนด์เอพีซี และเอ็มจีอี รวมทั้งเทคนิคการจำหน่าย ตลอดจนรายการส่งเสริมการขายต่างๆ เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ โดยบริษัทจะจัดงานสัมมนาในลักษณะดังกล่าวอีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

เกี่ยวกับเอพีซี
เอพีซี และ เอ็มจีอี ยูพีเอส ซิสเต็มส์ ได้ผนวกกันเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2007 เพื่อจัดตั้งหน่วยธุรกิจด้านการจัดการพลังงาน และระบบปรับอากาศในเครือของชไนเดอร์ อิเล็คทริค โดยเอพีซี และเอ็มจีอี มูลค่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (2.4 พันล้านยูโร) หน่วยธุรกิจด้านการจัดการพลังงาน และระบบปรับอากาศนำเสนอสินค้า และโซลูชั่นคุ้มครองและป้องกันการเสียหายของข้อมูล รวมทั้งการเสียหายของฮาร์ดแวร์และการหยุดชะงักของระบบไฟฟ้าให้แก่ตลาดอุตสาหกรรม องค์กร ธุรกิจตั้งแต่ระดับเล็ก กลาง จนถึงผู้ใช้งานตามบ้าน

โซลูชั่นของหน่วยธุรกิจนี้ ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์เครื่องสำรองกระแสไฟฟ้า (UPS) ภายใต้แบรนด์เอพีซี และเอ็มจีอีระบบปรับอากาศภายในตู้แร็ค ตู้แร็ค การบริการออกแบบวางระบบ และซอฟต์แวร์สำหรับบริหารและจัดการภายในห้องศูนย์ข้อมูล ทั้งนี้ ด้วยรากฐานที่แข็งแกร่งระดับโลกและการสนับสนุนอย่างเข้มแข็งทางด้านวิจัยและการพัฒนา พนักงานจำนวน 12,000 คนของบริษัทได้ช่วยลูกค้าให้สามารถแก้ไขปัญหาวิกฤติอันเกิดจากการหยุดชะงักของระบบไฟฟ้าและระบบปรับอากาศตลอดจนรับมือกับความท้าทายของการบริหารจัดการศูนย์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ชไนเดอร์ อิเล็คทริคมีพนักงานประจายอยู่ในสำนักงานสาขา 190 แห่งทั่วโลกจำนวน 112,000 คน มีรายได้รวมทั้งสิ้น 25,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 17,300 ล้านยูโร ในปี 2007 รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเอพีซี-เอ็มจีอี สามารถเข้าชมได้ที่ www.apc.com