เอไอ (ไทยแลนด์) จับมือ โทเอะ ประเทศญี่ปุ่น จัดงาน “เดอะ เพาเวอร์ ออฟ ดราก้อนบอล แซด”

นายปริพันธ์ หนุนภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอนนิเมชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจลิขสิทธิ์การ์ตูนญี่ปุ่นในเมืองไทย เปิดเผยว่า ล่าสุด บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับ โทเอะ แอนนิเมชั่น เอนเตอร์ไพรส์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น เปิดการแสดงโชว์ตัวการ์ตูน ดราก้อนบอล แซด (Dragon Ball Z) ลิขสิทธิ์แท้จากประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในเมืองไทย ในงาน “เดอะ พาวเวอร์ ออฟ ดราก้อนบอล แซด” เพื่อเป็นการขอบคุณแฟนคลับดราก้อนบอลเมืองไทย ที่มอบกระแสนิยมให้อย่างสูงสุดมาโดยตลอด “ปัจจุบันดราก้อนบอลไม่เพียงแต่จะเป็นการ์ตูนที่สนุก และถูกนำมาฉายใหม่ซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ดราก้อนบอลยังเป็นการ์ตูนที่มีแฟนคลับหนาแน่น ไม่ว่าจะเป็นวัยเด็กหรือวัยผู้ใหญ่ เอไอ (ไทยแลนด์) ซึ่งเป็นตัวแทนลิขสิทธิ์ดราก้อนบอล จึงจัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้น เพื่อให้ผู้ที่รักและชื่นชอบตัวการ์ตูนดราก้อนบอล ได้มีโอกาสพบปะกับตัวการ์ตูนดราก้อนบอลตัวจริงจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะมาสร้างความสนุกสนานและความเพลิดเพลินให้กับแฟนๆ ชาวไทย และทาง เอไอ (ไทยแลนด์) ในฐานะที่เป็นตัวแทนลิขสิทธ์อย่างถูกต้องของดราก้อนบอลหวังว่างานในครั้งนี้ จะช่วยสร้างกระแสความนิยมของการ์ตูนดราก้อนบอล และส่งเสริมการขายสินค้าลิขสิทธิ์ที่ถูกต้องของดราก้อนบอลในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบต่อไป นอกจากนี้งานดราก้อนบอลยังเป็นอีกทางหนึ่งในการทำกิจกรรมร่วมกันระหว่างบริษัทฯ และผู้ประกอบการที่สนับสนุน มาโดยตลอด โดยผู้ประกอบการลิขสิทธิ์ของดราก้อนบอล แซด จะมีโอกาสในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ลิขสิทธิ์ที่ถูกต้องภายในงานด้วย ยิ่งไปกว่านั้น เราคาดว่าการจัดงานนี้ จะช่วยส่งเสริมให้ดราก้อนบอล เป็นการ์ตูนที่ครองใจแฟนชาวไทยตลอดไป ทางบริษัทฯเชื่อว่างานนี้ทุกท่านที่มาร่วมงานนอกจากจะได้รับความสนุกสนานกลับไปแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบดราก้อนบอลด้วยกัน ซึ่งสื่อแง่คิดที่มีประโยชน์ที่ได้จากเนื้อเรื่องให้แก่เด็กที่มาร่วมงาน โดยมีเนื้อหาหลักใน ด้านคุณธรรม ความสามัคคี ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และความพยายาม ตามแบบตัวละครในเรื่อง”

ทั้งนี้ ไฮไลท์หลักของการแสดงโชว์ เดอะ พาวเวอร์ ออฟ ดราก้อนบอล แซด ในครั้งนี้ คงหนีไม่พ้น การนำ 4 มาสคอตของดราก้อนบอล ลิขสิทธิ์แท้จากญี่ปุ่น ประกอบด้วย โงกุน เบจิต้า พิคโคโล่ และ จอมมารบู มาร่วมแสดงเป็นครั้งแรกในเมืองไทย ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับจากแฟนคลับจำนวนมาก นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมในรูปแบบของเกมส์และกิจกรรมต่างๆ มากมาย ให้สำหรับผู้สนใจได้เข้าร่วมเล่นและฝึกทักษะในหลายด้าน ซึ่งสามารถเล่นได้ทั้งแฟนรุ่นเยาว์และรุ่นใหญ่ เรียกได้ว่าสามารถเล่นกันได้ทั้งครอบครัว โดยผู้ที่มาร่วมงานนอกจากจะได้รับความสนุกสนานกลับไปแล้ว ก็ยังสามารถเลือกซื้อสินค้าลิขสิทธ์ดราก้อนบอลติดไม้ ติดมือกลับบ้านไปได้ด้วย โดยงานดังกล่าวกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-12 พฤษภาคม ศกนี้ ที่ Cascata ชั้น G ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต

ด้านผลประกอบการของ เอไอ (ไทยแลนด์) ในปีที่ผ่านมานั้น รวมถึงการคาดการณ์รายได้ใน ปี 2551 นายปริพันธ์ หนุนภักดี กล่าวว่า “ผลประกอบการของ เอไอ (ไทยแลนด์) ถือได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างมากในปีที่ผ่านมา เรามีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้น 25% เฉพาะดราก้อนบอลคาแรคเตอร์เดียว ก็มียอดการเติบโตถึง 15% สำหรับเป้าหมายของเราในปีนี้ เราหวังว่าอัตราเติบโตโดยรวมจะเพิ่มขึ้นเป็น 30% จากปีที่แล้ว และเฉพาะดราก้อนบอล เราตั้งเป้าไว้ว่าจะมีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเป็น 20% ในปีนี้ ทางบริษัทฯหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดงาน เดอะ พาวเวอร์ ออฟ ดราก้อนบอล แซด ในครั้งนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมการตลาดให้กับธุรกิจของทางบริษัทฯ โดยในปีนี้เราวางแผนรุกธุรกิจด้านลิขสิทธิ์สินค้าและการส่งสริมการขาย (Merchandising & Promotional Licensing) ในส่วนของดราก้อนบอลอย่างเต็มที่ ด้วยจุดแข็งของการเป็นผู้แทนสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย (Sole Licensing Agent) ในการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์การ์ตูนแอนนิเมชั่นจากญี่ปุ่น เพื่อนำตัวการ์ตูนไปผลิตสินค้าเพื่อขายหรือเพื่อทำการส่งเสริมการขาย สำหรับดราก้อนบอลถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทางบริษัทฯ มีลูกค้าลิขสิทธิ์ที่จดลิขสิทธิ์กับทางเรา และคาดว่าสินค้าจะมีการพัฒนาออกมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะในปีนี้จนถึงปีหน้าที่มีการ์ตูนฉายอยู่ทางช่อง 3 ยิ่งจะทำให้กลุ่มผู้ที่ชื่นชอบอยู่แล้วมีความสนใจในการ์ตูนยิ่งขึ้น”

เกี่ยวกับสถานการณ์ตลาดสินค้าลิขสิทธิ์ในเมืองไทย ณ ปัจจุบันนั้น กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอนนิเมชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวแสดงความเห็นส่งท้ายว่า “ตลาดลิขสิทธิ์ในเมืองไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา จำนวนและความหลากหลายของผู้ประกอบการและตัวแทนลิขสิทธิ์มีจำนวนเพิ่มขึ้นในตลาดอย่างต่อเนื่องโดยผู้ประกอบการพยายามสร้างกลยุทธ์ทางการแข่งขัน เช่น การเพิ่มความหลากหลายของสินค้าและบริการ และผู้สร้างสรรค์หรือเจ้าของลิขสิทธิ์ในประเทศก็มีการพัฒนาตัวการ์ตูนกันอย่างแพร่หลาย โดยมีศักยภาพสูงถึงขั้นสามารถขยายตลาดไปยังต่างประเทศ ซึ่งในภาพรวมสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นส่วนช่วยทำให้อุตสาหกรรมโดยรวมมีการขยายตัวและสร้างโอกาสทางธุรกิจได้ในอนาคต”