กระทรวงไอซีที ปั้นขอนแก่นเป็นจังหวัดนำร่อง e-Agriculture

กระทรวงไอซีที ผนึกกำลังกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงการต่างประเทศ เร่งสร้างสังคมเกษตรกรรมไอซีที ยกขอนแก่นเป็นจังหวัดนำร่องเพื่อสรุปแนวทางจัดทำ e-Agriculture ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เชื่อมั่นสร้างเว็บไซต์ศูนย์กลางความรู้ด้านการเกษตรที่ช่วยให้แข่งขันในตลาดโลกได้และสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้เกิดสังคมอิเล็กทรอนิกส์ (e-Society) ที่เท่าเทียม

นายสือ ล้ออุทัย ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที เปิดเผยในงานสัมมนาเรื่อง “ไอซีทีกับการพัฒนาสังคมเกษตรกรรม” ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น ว่า กระทรวงไอซีทีในฐานะเจ้าภาพหลักในการดำเนินงานพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government) ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาใช้ในการพัฒนาภาคการเกษตรกรรม เนื่องจากการเกษตรถือเป็นรากฐานที่สำคัญในการพัฒนาประเทศที่จำเป็นต้องปรับตัวเพื่อให้สามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพในยุคปัจจุบัน จึงได้ริเริ่มดำเนินโครงการส่งเสริมการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์สำหรับสังคมเกษตรกรรม หรือ e-Agriculture โดยร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงการต่างประเทศ ดำเนินโครงการนำร่องด้วยการพัมนาเว็บไซต์ต้นแบบ เพื่อให้บริการข้อมูลความรู้ สาระประโยชน์และการบริการเบื้องต้นด้านการเกษตรกรรมในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานและมีความหลากหลายด้านกิจกรรมการเกษตร

นายสือฯ กล่าวต่อว่า กระทรวงฯ ได้มอบหมายให้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เป็นที่ปรึกษาในการดำเนินโครงการ นอกจากนั้น ยังได้รับความร่วมมือให้ข้อเสนอแนะและแบ่งปันความรู้ประสบการณ์การดำเนินงานจาก National Informatics Centre ประเทศอินเดีย สำหรับการสัมมนาทางวิชาการ เรื่อง “ไอซีทีกับการพัฒนาสังคมเกษตรกรรม”ในวันนี้ เป็นการสรุปและประเมินผลการดำเนินโครงการส่งเสริมการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์สำหรับสังคมเกษตรกรรมในจังหวัดขอนแก่นที่ได้มีการพัฒนาเว็บไซต์ต้นแบบ www.ekaset.net ในการเป็นศูนย์กลางองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์ด้านการเกษตรกรรมซึ่งตอบสนองต่อความต้องการของเกษตรกรและสามารถส่งเสริมเกษตรกรให้นำความรู้ไปปรับใช้ในการปฏิบัติได้ เพื่อเพิ่มมูลค่าและคุณภาพให้กับผลผลิต

“นอกจากนั้น ภายในงานสัมมนายังมีผู้เชี่ยวชาญจากประเทศอินเดีย สาธารณรัฐประชาชนจีน และยูเนสโก มาร่วมเป็นวิทยากรให้ความรู้เกี่ยวกับแนวทางการนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาใช้ในการพัฒนาภาคเกษตรกรรมในมุมมองของประเทศไทยและมุมมองของต่างประเทศ แก่ผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงและผู้ปฏิบัติงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศจากหน่วยงานภาครัฐ นักวิชาการและนักวิจัย จำนวนรวมกว่า 150 คนอีกด้วย”

นายสือฯ กล่าวสรุปว่า กระทรวงฯ เชื่อว่าการดำเนินโครงการ e-Agriculture นำร่องที่จังหวัดขอนแก่นนี้ จะได้รับการนำไปขยายผล ต่อยอด และประยุกต์การดำเนินโครงการฯ ให้มีความก้าวหน้าต่อไปในอนาคต ซึ่งจะช่วยส่งเสริมและผลักดันให้เกิดการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในการพัฒนาและการใช้งานไอซีทีในทุกภาคส่วนของประเทศได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ อันจะนำไปสู่การสร้างสังคมอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Society ที่เท่าเทียมต่อไป