ม.หอการค้าไทยจับมือกระทรวงพาณิชย์และหอการค้าไทยเปิดหลักสูตร “ผู้บริหารระดับสูงด้านการค้าและการพาณิชย์”

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์และหอการค้าไทยเปิดหลักสูตร “ผู้บริหารระดับสูงด้านการค้าและการพาณิชย์” (Top Executive Program in Commerce and Trade: TEPCOT) เทรนด์การวางแผนเชิงกลยุทธ์ด้านการค้าและการพาณิชย์ให้ผู้นำภาครัฐและเอกชน ตั้งเป้าพาประเทศให้เป็นผู้นำเศรษฐกิจของเอเชียอย่างยั่งยืน คัดสรรหัวกะทิประเดิมรุ่นแรก 40 คน เริ่มเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน 2551

ดร.ศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า “จากภาวะการณ์แข่งขันอย่างรุนแรงภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้าและบริการภายใต้ WTO หรือการเจรจา FTA ทั้งในระดับมหภาคและทวิภาค รวมถึงการที่บริษัทข้ามชาติและโมเดิร์นเทรดเข้ามาลงทุนในประเทศ แนวทางการใช้ทรัพยากรของประเทศและโลก ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนและเงินเฟ้อ และสังคมเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ต้องประเมินและวางแผนกลยุทธ์ความสามารถในการแข่งขัน (Competition Policy) ของธุรกิจและประเทศ ว่าจะทำเช่นไรให้สามารถเป็นผู้นำในด้านธุรกิจและเศรษฐกิจทั้งในระดับประเทศและระดับโลก”

ดร.ศิริพล กล่าวต่อว่า “กระทรวงพาณิชย์ หอการค้าไทย และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าวและตระหนักถึงภารกิจร่วมกันต่อประเทศที่ภาครัฐและเอกชน ต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังในการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าของไทยในระดับเวทีโลก จึงร่วมมือกันเปิดหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการค้าและการพาณิชย์ขึ้น โดยคาดหวังว่าหลักสูตรนี้จะเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้และวิสัยทัศน์จากผู้บริหารภาครัฐ และประสบการณ์และยุทธศาสตร์ภาคเอกชนและผู้ประกอบการ”

“นอกจากนี้เรายังตั้งเป้าหมายว่าหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการค้าและการพาณิชย์จะช่วยสร้างเครือข่ายด้านการค้าการพาณิชย์ระหว่างผู้บริหารระดับสูงในภาคส่วนต่างๆ ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค ลดแรงเสียดทานทางความคิดและสามารถผนึกกำลังในการเสนอแผนยุทธ์ศาสตร์การค้าและการพาณิชย์ เพื่อเสนอแนวทางในการแข่งขันของประเทศ ทั้งด้านการพัฒนาภาพรวมของระบบเศรษฐกิจ ประสิทธิภาพของภาครัฐ เป็นผู้นำเศรษฐกิจเอเชีย และสามารถแข่งขันได้อย่างโดดเด่นในเวทีโลก” ดร.ศิริพล กล่าว

ด้านนายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานหอการค้าไทยและนายกสภามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า “หอการค้าไทยมีความเชี่ยวชาญในแวดวงการค้าและการพาณิชย์มายาวนาน สามารถเป็นศูนย์กลางประสานงานเครือข่ายองค์กรธุรกิจ ทั้งในด้านการสนับสนุนข้อมูล บุคลากร และด้านการเผยแพร่หลักสูตร โดยหอการค้าไทยเล็งเห็นความสำคัญของหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการค้าและพาณิชย์ว่าจะเป็นการสร้างความร่วมมือผ่านระบบความสัมพันธ์ของการมาเรียนรู้ร่วมกันของกลุ่มคนที่มีศักยภาพในภาคส่วนต่างๆ และเป็นกลไกในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไปสู่สากล ทางการค้าและการพาณิชย์ อันจะทำให้เกิดความยั่งยืนในการพัฒนาประเทศ ตามแนวนโยบายที่เหมาะสม โดยการกระจายความรู้และความเข้าใจร่วมกันในประเด็นการค้าและการพาณิชย์ที่ปัจจุบันมีการเชื่อมโยงกันอย่างกว้างขวางทั่วทุกส่วนของประเทศและของโลก ซึ่งในหอการค้าไทยเองก็มีนักธุรกิจท้องถิ่นที่มีศักยภาพจำนวนมากพร้อมร่วมผลักดันแนวทางต่างๆ เพื่อพัฒนาประเทศ”

รองศาสตราจารย์ ดร. จีรเดช อู่สวัสดิ์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการค้าและการพาณิชย์ (TEPCOT) ของสถาบันวิทยาการการค้า (Commerce Academy) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มีความต้องการเสนอหลักสูตรที่มีการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานทั้งจากภาครัฐ เอกชน และนักวิชาการ โดยนำประเด็นร่วมสมัยทางด้านการค้าและการพาณิชย์ มาอภิปราย แลกเปลี่ยนความรู้ และถ่ายทอดประสบการณ์ นอกจากนี้ยังเชิญวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิและมีประสบการณ์จริงในเรื่องต่างๆ มาเป็นผู้นำการเรียน โดยมุ่งสร้างองค์ความรู้ 3 กลุ่มใหญ่ ดังนี้ องค์ความรู้ด้านสภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจ องค์ความรู้ด้านการค้าและการพาณิชย์ และองค์ความรู้เพิ่มพลังการแข่งขันขององค์กร

หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการค้าและการพาณิชย์ มีระยะอบรมประมาณ 3 เดือน จัดบรรยายในทุกวันพฤหัสบดี เวลา 15.00 – 18.00 น. และวันเสาร์เว้นเสาร์เวลา 9.00 – 12.00 น. ระหว่างเดือนกรกฎาคม–กันยายน 2551 ในเบื้องต้นได้คัดสรรผู้ร่วมอบรมหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการค้าและการพาณิชย์ (TEPCOT) รุ่นที่ 1 ทั้งสิ้น 40 คน ประกอบด้วย ผู้บริหารระดับสูงจากภาครัฐ เช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรกร สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และผู้บริหารระดับสูงจากธุรกิจภาคเอกชน รวมถึงผู้บริหารองค์กรที่เกี่ยวข้อง เช่น หอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรม สมาคมธนาคารไทย ตลาดหลักทรัพย์แหส่งประเทศไทย กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ สมาคมโลจิสติกส์ ตุลาการ อัยการ ทหาร และสื่อมวลชน เป็นต้น