เคทีซีเผยกำไรครึ่งปีแรก 318 ล้านบาท ฐานสมาชิกทะลุ 2.04 ล้านบัญชี

เคทีซีแจงผลงาน 6 เดือนแรกปี 2551 รายได้รวม 5,780 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ต้นทุนเงินทุนลดเหลือ 4.49% กำไรสุทธิ 318 ล้านบาท พอร์ตลูกหนี้รวม 44,790 ล้านบาท ชี้แม้สภาพเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย ค่าครองชีพสูง ผู้บริโภคใช้จ่ายชะลอตัว แต่ฐานสมาชิกรวมยังขยายตัวต่อเนื่อง อัตราค้างชำระต่ำกว่าอุตสาหกรรม จากการใช้นโยบายขยายธุรกิจอย่างระมัดระวัง เน้นสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งและยั่งยืน ควบคุมคุณภาพหนี้อย่างใกล้ชิด ใช้กลยุทธ์การตลาดที่แปลกใหม่และแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ รักษาฐานลูกค้าเก่าเข้าถึงลูกค้าใหม่แบบเฉพาะกลุ่ม (Lifestyle Segmentation) กระตุ้นการใช้จ่ายผ่านบัตรและช่วยแบ่งเบาภาระผู้บริโภค ด้วยการให้สิทธิประโยชน์ที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน จากการเชื่อมโยงสิทธิประโยชน์กับเครือข่ายพันธมิตรยักษ์ใหญ่หลากธุรกิจ รวมถึงการดูแลให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายสูงสุดในการใช้จ่ายผ่านบัตรและการกู้ยืมผ่านสินเชื่อบุคคลจากหลายช่องทาง

นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวต่อเนื่องได้ส่งผลกระทบต่อทั้งผู้ประกอบการ และโดยเฉพาะผู้บริโภคที่ต้องแบกรับกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น จึงจำเป็นต้องระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งเคทีซีได้ติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์มาโดยตลอด จึงได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และนโยบายในการทำธุรกิจให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ในแต่ละช่วง ซึ่งทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยช่วง 6 เดือนแรกของปี 2551 มีกำไรสุทธิ 318 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากไตรมาสแรกบริษัทฯ ได้รับประโยชน์จากการที่ “วีซ่า อิงค์” (VISA Inc.) เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศสหรัฐอเมริกา กำไรต่อหุ้นเท่ากับ 1.23 บาท สำหรับกำไรสุทธิไตรมาส 2 ปี 2551 เท่ากับ 101 ล้านบาท ฐานสมาชิกรวม 2.04 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 5% จากสิ้นปี 2550 โดยสมาชิกใหม่มาจากบัตรเครดิตและสินเชื่อพร้อมใช้ “เคทีซี แคช รีโวล์ฟ” (KTC CASH Revolve) และมีจำนวนบัตรเครดิต 1,532,877 บัตร สินเชื่อบุคคล “เคทีซี แคช” เท่ากับ 504,529 บัญชี และสินเชื่อเจ้าของกิจการ “เคทีซี มิลเลี่ยน” เท่ากับ 2,491 บัญชี”

“สำหรับฐานะทางการเงิน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2551 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 46,943 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 45,919 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2550 ในขณะที่พอร์ตลูกหนี้การค้ารวมสุทธิเท่ากับ 44,790 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 43,196 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2550 ประกอบด้วยยอดลูกหนี้บัตรเครดิตสุทธิ 31,608 ล้านบาท สินเชื่อบุคคลเคทีซี แคช สุทธิ 11,566 ล้านบาท สินเชื่อเจ้าของกิจการเคทีซี มิลเลี่ยน สุทธิ 1,128 ล้านบาท และลูกหนี้ธนวัฏบัตรเครดิต สุทธิ 487 ล้านบาท ซึ่งการที่มูลค่าของพอร์ตลูกหนี้รวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เป็นผลกระทบจากกฎเกณฑ์เรื่องการปรับเพิ่มยอดชำระขั้นต่ำของบัตรเครดิตจาก 5% เป็น 10% ของยอดหนี้ค้างชำระ ประกอบกับความไม่มั่นใจในสภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายและชะลอการสร้างภาระหนี้ ทำให้ยอดลูกหนี้รวมเพิ่มขึ้นไม่มากนัก คิดเป็น 4% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2550”

“บริษัทฯ มีรายได้รวมสำหรับงวด 6 เดือนของปี 2551 เท่ากับ 5,780 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากช่วงเดียวกันของปี 2550 โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากดอกเบี้ยรับรวมค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินและรายได้ค่าธรรมเนียมที่มีสัดส่วนคิดเป็น 69% และ 24% ของรายได้รวม โดยครึ่งปีแรกมีรายได้ดอกเบี้ยรับรวมค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินและรายได้ค่าธรรมเนียมเติบโต 15% และ 10% ตามลำดับเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2550 สำหรับค่าใช้จ่ายรวม (รวมดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้) สำหรับงวด 6 เดือนปี 2551 มีจำนวนทั้งสิ้น 5,463 ล้านบาท เติบโต 16% เมื่อเทียบกับปีก่อน สัดส่วนค่าใช้จ่ายการดำเนินงานต่อรายได้ (Cost to Income Ratio) หลังปรับรายการพิเศษจากวีซ่าสำหรับครึ่งปี 2551 เท่ากับ 51% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 50% ณ สิ้นปี 2550 เป็นผลจากนโยบายส่งเสริมให้สมาชิกนำคะแนนสะสมมาแลกใช้ จึงมีผลให้ค่าใช้จ่ายด้านการตลาดสูงขึ้น ค่าใช้จ่ายด้านการบริหารงานจึงสูงขึ้นตามไปด้วย”

“ส่วนของต้นทุนเงินทุนของบริษัทฯ ลดลงจาก 4.87% เหลือ 4.49% ณ ครึ่งแรกของปี 2551 เนื่องจากบริษัทฯ ออกหุ้นกู้ใหม่ (Refinance) ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า ประกอบกับข้อได้เปรียบจากจำนวนเงินกู้ยืมระยะสั้นที่มีอัตราดอกเบี้ยในระดับที่ยังต่ำอยู่ ด้วยวิธีเพิ่มสัดส่วนของเงินกู้ยืมระยะสั้นให้สูงขึ้น และการคำนึงถึงความเพียงพอของสภาพคล่องและการกระจายแหล่งที่มาในการจัดหาเงินกู้อย่างเหมาะสม ขณะเดียวกันบริษัทฯ ได้รับอัตรารายได้ดอกเบี้ยรับเฉลี่ยสูงขึ้นจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยบัตรเครดิตเป็น 20% ทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (Net Interest Margin) ของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นจาก 13.40% เป็น 13.76%”

“เคทีซีจะยังคงตามติดสถานการณ์บ้านเมืองและสภาพเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด ควบคู่กับการเดินหน้าศึกษาความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคในเชิงลึกและในแง่มุมที่ซับซ้อนขึ้น เพื่อกำหนดกลยุทธ์และแผนงานให้เหมาะสมกับตลาดและผู้บริโภค โดยยังคงตั้งมั่นที่จะสร้างสรรค์สิทธิประโยชน์ที่แปลกใหม่และหลากหลาย พร้อมๆ กับการแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เพื่อนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าปัจจุบันและกลุ่มเป้าหมายใหม่ นอกจากนี้ บริษัทฯ จะยังคงให้ความสำคัญในการอนุมัติสมาชิกใหม่อย่างรอบคอบและรัดกุม ตลอดจนเน้นการบริหารคุณภาพพอร์ตลูกหนี้ให้มีประสิทธิภาพ” นายนิวัตต์กล่าวปิดท้าย