‘กรุงเทพประกันชีวิต’ เดินหน้ารับ พ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝาก เร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์-สร้างเครือข่าย เชื่อยอดกรมธรรม์พุ่ง

ผู้บริหาร ‘กรุงเทพประกันชีวิต’ เชื่อธุรกิจประกันชีวิตได้รับอานิสงส์ หลัง พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝากบังคับใช้ 11 ส.ค. เหตุผู้ฝากเงินแสวงหาแหล่งลงทุนใหม่ๆ เพื่อเพิ่มผลตอบแทนและกระจายความเสี่ยง คาดยอดกรมธรรม์ขยับเพิ่ม เผยเตรียมตัวรองรับกระแสดังกล่าว ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้หลากหลาย เน้นสร้างความแตกต่าง พร้อมปรับรูปแบบบริการ เพิ่มช่องทางขาย สร้างเครือข่ายใหม่ๆ หวังปูพรมเจาะกลุ่มเป้าหมายทุกระดับ

นายชาญ วรรธนะกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทกรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ BLA เปิดเผยว่า ภายหลังจากพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถาบันคุ้มครองเงินฝาก ที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ที่ผ่านมา เชื่อว่าจะส่งผลให้ภาพรวมของธุรกิจประกันชีวิตคึกคักขึ้น เนื่องจากผู้ฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์จะแสวงหาช่องทางการลงทุนใหม่ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยงจากการฝากเงิน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาการประกันชีวิตได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด

ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก กำหนดว่า หากเกิดกรณีสถาบันการเงินล้มหรือเกิดปัญหาใดๆ ในปีแรกจะคุ้มครองเงินฝากหรือจ่ายเงินคืนให้กับประชาชนผู้ฝากเงินเต็มจำนวน จากนั้นในปีที่สอง จะลดลงมาคุ้มครองไม่เกิน 100 ล้านบาท ปีที่สาม ลดลงคุ้มครองไม่เกิน 50 ล้านบาท ในปีที่ 4 คุ้มครองเพียง 10 ล้านบาท จากนั้นในปีที่ 5 หรือตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2555 เป็นต้นไป ความคุ้มครองจะลดลงเหลือเพียง 1 ล้านบาทต่อรายต่อสถาบันการเงินเท่านั้น

“การใช้พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝากที่เริ่มใช้ในวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา จะช่วยกระตุ้นและขยายฐานกรมธรรม์ของบริษัทประกันชีวิตให้สูงขึ้น เพราะเงินฝากในระบบสถาบันการเงินมีโอกาสที่จะไหลออกไปสู่การลงทุนในรูปแบบอื่นๆ ที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า ซึ่งประกันชีวิตก็ถือเป็นการลงทุนในรูปแบบหนึ่ง ที่นอกจากจะได้รับความคุ้มครองชีวิตแล้ว ยังเป็นธุรกรรมที่ผสมผสานระหว่างการออมหรือการลงทุนไว้ด้วย”นายชาญกล่าว

กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทกรุงเทพประกันชีวิต กล่าวด้วยว่า ดังนั้น เพื่อเตรียมความพร้อมกับฐานผู้ฝากเงินที่คาดว่า จะขยับขยายเข้าสู่ประกันชีวิตมากขึ้นในช่วงหลังจากนี้ บริษัทฯ จึงเตรียมความพร้อมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์กรมธรรม์ประกันชีวิตในรูปแบบใหม่ๆ เพื่อรองรับกับความต้องการของลูกค้าทุกระดับ โดยแนวทางของบริษัทฯ จะเน้นพัฒนากรมธรรม์ที่เน้นความคุ้มครอง และมีอายุสัญญายาวขึ้น เพื่อสร้างความแตกต่าง เช่น การพัฒนากรมธรรม์แบบ Unit Link ซึ่งมีความยืดหยุ่นในการจ่ายผลตอบแทนแก่ผู้ถือกรมธรรม์
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังพัฒนาด้านการให้บริการกับลูกค้าแบบ One Stop Service รวมทั้งจะเร่งฝึกอบรมและสร้างเครือข่ายตัวแทนขายที่เป็นคนรุ่นใหม่ในระดับชุมชนและหมู่บ้าน เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทุกระดับ พร้อมกับการจัดกิจกรรมการตลาดผ่านช่องทางตัวแทน และสำนักตัวแทนสาขาที่มีอยู่ครอบคลุมทั่วประเทศ