บ๊อชส่ง “สกิล” แบรนด์ดังจากอเมริกาบุกตลาดเครื่องมือไฟฟ้าไทย จับกลุ่มเป้าหมายระดับกลาง ได้แก่กลุ่มช่างอิสระ รวมถึงตลาด DIY ชี้การแข่งขันสูงแบรนด์ใหม่ต้องดีจริง สินค้าต้องมีคุณภาพและตอบรับครบทุกการใช้งาน ทิศทางด้านช่องทางจำหน่ายตลาดเปลี่ยนจากร้านฮาร์ดแวร์ทั่วไป เป็น Specialist ที่เริ่มให้ความสำคัญในการแต่งหน้าร้านสร้างภาพลักษณ์ให้เห็นความแตกต่างมากขึ้น ซึ่งบ๊อชถนัดด้วยเป็นผู้บุกเบิกคอนเซ็ปต์มาเองตั้งแต่ต้น
นายชัยพร รัตนเชตกุล ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายเครื่องมือไฟฟ้า บริษัท โรเบิร์ต บ๊อช จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ บ๊อชได้ส่งเครื่องมือไฟฟ้า Skil (สกิล) ซึ่งเป็นเครื่องมือไฟฟ้าที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย และเป็นที่ยอมรับอย่างดีในประเทศสหรัฐอเมริกาเข้ามาจัดจำหน่ายในประเทศไทย โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้าตลาดระดับกลาง ทั้งกลุ่มช่างมืออาชีพเริ่มต้นที่ต้องการจะมีเครื่องมือไฟฟ้าแบบมืออาชีพเป็นตัวแรก และกลุ่มช่างอิสระ รวมถึงกลุ่มผู้รักงาน DIY ที่ให้ความสำคัญในเรื่องของความคุ้มค่า คุ้มราคาของเครื่องมือไฟฟ้า ซึ่งสกิลน่าจะเป็นคำตอบที่สมบูรณ์แบบสำหรับกลุ่มเป้าหมายดังกล่าว
ผลิตภัณฑ์สกิลในช่วงเริ่มต้นของการบุกตลาดในไทย ประกอบด้วย 8 หมวดสินค้า รวม 11 รุ่น ซึ่งตอบสนองงานของกลุ่มเป้าหมายได้ค่อนข้างครอบคลุมการใช้งาน โดยในอนาคตมีเป้าหมายที่จะขยายรุ่นสินค้าเพื่อให้ครบทุกการใช้งานของกลุ่มเป้าหมายของเครื่องมือไฟฟ้าบ๊อช โดยสินค้าเด่น ได้แก่ เลื่อยวงเดือน 7 นิ้ว ซึ่งสกิล เป็นต้นแบบในการคิดค้นและประดิษฐ์เลื่อยวงเดือนเป็นเจ้าแรกของโลก , เครื่องเจียร 4 นิ้ว และเครื่องมือไร้สาย จุดเด่นของสกิล คือ มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับมาแล้วจากความแพร่หลายในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งหมายถึงการการันตีในเรื่องของมาตรฐานคุณภาพ รวมถึงความคุ้มค่าคุ้มราคา นอกเหนือจากนี้ภายใต้การดูแลและจัดจำหน่ายโดย บริษัท โรเบิรต์ บ๊อช จำกัด ทำให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลการรับประกัน รวมถึงการบริการหลังการขายอย่างเต็มประสิทธิภาพ เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์เครื่องมือไฟฟ้าบ๊อช
“ในปีแรกที่เรานำเข้ามาจัดจำหน่าย ความคาดหวังคือ ให้ตลาดเริ่มรู้จักและเกิดการทดลองใช้ และด้วยจุดแข็งของการทำตลาดของบ๊อช จากช่องทางการจำหน่ายและตัวแทนร้านค้าต่างๆที่มีอยู่ คิดว่า สกิลจะได้รับความสำเร็จอย่างน่าพอใจในอนาคตเช่นกัน “ นายชัยพรกล่าว
ในส่วนของตลาดเครื่องมือไฟฟ้าในปัจจุบันมีการแข่งขันสูงมาก แบรนด์ใหม่ๆที่จะเข้าสู่ตลาดทำได้ยากขึ้น โดยมีเข้ามาแบบหวือหวาในช่วงเริ่มต้น แต่หากการทำตลาดไม่ดีพอก็จะหายไป เพราะการแข่งขันด้านราคายังคงเข้มข้น ทำให้แบรนด์ที่ติดตลาดอยู่แล้วจะคงอยู่และเติบโตต่อไป แต่ในขณะเดียวกันเรื่องคอนเซปต์ทางการตลาด รวมถึงการบริการ และการสร้างฐานลูกค้าใหม่ๆจะมีบทบาทมากขึ้น โดยแนวโน้มได้เริ่มเปลี่ยนจากร้านฮาร์ดแวร์ทั่วไป เป็น Specialist เห็นได้จากร้านค้าเริ่มให้ความสำคัญในการจัดและตกแต่งร้านค้า ให้ความสำคัญกับการสร้างภาพลักษณ์มากขึ้น โดยเป้าประสงค์หลักที่จะสร้างความแตกต่างกับร้านค้าอื่นๆ ซึ่งที่ผ่านมา บ๊อชมีความชานาญด้านนี้ เนื่องจากเป็นผู้บุกเบิกและผลักดันคอนเซปต์ดังกล่าวมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา สำหรับการจัดจำหน่ายผ่าน 2 ช่องทาง คือ ฐานตัวแทนจำหน่ายที่มีปัจจุบัน รวมทั้งร้านฮาร์ดแวร์ทั่วไป และโมเดิร์น เทรด โดยการมุ่งเน้นการสร้าง แบรนด์ผ่านกิจกรรมการส่งเสริมการขายหน้าร้าน พร้อมหน่วยสาธิต รวมถึงโรดโชว์เป็นหลัก
