นักลงทุนพลิกวิกฤติเป็นโอกาสลุยตลาดนอก ลูกค้าออฟชอร์ บล.ฟิลลิป ทะลุเป้า 100 บัญชี

บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) ประสบความสำเร็จหลังเปิดให้บริการซื้อขายหุ้นในตลาดต่างประเทศแค่ 2 เดือนกว่า มียอดเปิดบัญชีทะลุเป้าที่ตั้งไว้ 100 บัญชีแล้ว “สุชาย” ชี้ แม้ภาวะตลาดโดยรวมจะไม่เอื้ออำนวย แต่นักลงทุนก็ต้องแสวงหาโอกาสในท่ามกลางวิกฤต เร่งเดินหน้าติดอาวุธให้ความรู้นักลงทุนต่อเนื่อง ตั้งเป้าปีหน้าแตะ 300 บัญชี

นายสุชาย สุทัศน์ธรรมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท หลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทได้เปิดให้บริการซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้นต่างประเทศ (ออฟชอร์) ผ่านระบบออนไลน์ของบริษัทเมื่อประมาณ 2 เดือนเศษที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนเป็นอย่างมาก ทำให้ขณะนี้มีนักลงทุนเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นในต่างประเทศกับบริษัทฯ แล้วจำนวน 108 บัญชี ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่เกินกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้จำนวน 100 บัญชีภายในสิ้นปีนี้

สำหรับการลงทุนออฟชอร์ที่ บล.ฟิลลิป เปิดให้บริการในช่วงแรกนี้มี 6 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง สิงคโปร์ อังกฤษ ญี่ปุ่น และมาเลเซีย โดยปัจจุบันมีสัดส่วนการเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาสูงที่สุดเป็นอันดับหนึ่งกว่า 90% และที่เหลืออีกประมาณ 10% จะกระจายอยู่ในตลาดหุ้นฮ่องกง สิงคโปร์ อังกฤษ ญี่ปุ่น และมาเลเซีย

“ตลาดหุ้นในอเมริกาได้รับความสนใจมากที่สุดเพราะนักลงทุนซื้อขายได้ถึง 3 ตลาด คือ NYSE, NASDAQ และ AMEX ซึ่งส่วนใหญ่นักลงทุนจะเลือกลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ และรู้จักเป็นอย่างดี แต่ผมคิดว่าสัดส่วนการเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกงในอนาคตจะเพิ่มสูงขึ้นมาก เนื่องจากปัจจุบันตลาดหุ้นฮ่องกงมีบริษัทขนาดใหญ่ของจีนที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และราคาหุ้นถือว่าถูกเข้ามาทำการซื้อขายค่อนข้างเยอะ” นายสุชายกล่าว

กรรมการผู้จัดการ บริษัท หลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวถึงภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกในปัจจุบันว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว อันเป็นผลมาจากปัญหาวิกฤตการทางการเงินยังคงเป็นปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นทั่วโลกอยู่ ซึ่งทำให้ระดับราคาหุ้นจำนวนมากมีการปรับตัวลงมาจนถึงระดับที่น่าสนใจ ขณะที่ตลาดหุ้นไทยก็ยังมีปัจจัยภายในเรื่องการเมืองรบกวนอยู่ ดังนั้น การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศก็ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางหนึ่งในการกระจายความเสี่ยงของนักลงทุน

“ตลาดหุ้นในต่างประเทศช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานั้นมีการปรับตัวขึ้นไปเยอะในหลายๆตลาด ดังนั้นโอกาสที่เราจะเห็นภาพแบบนั้นอีกก็ยังมีอยู่ เพียงแต่เราต้องเลือกที่จะลงทุนในตลาดและหุ้นที่มีพื้นฐานดี” นายสุชายกล่าว และเสริมว่า จากการติดตามข้อมูลของนักลงทุนอย่างใกล้ชิด ทั้งการสอบถาม และการจัดสัมมนาให้ข้อมูลในเรื่องการลงทุนในช่วงที่ผ่านมานั้น มีนักลงทุนทั้งที่เป็นลูกค้าของบริษัทฯ อยู่แล้ว และที่เป็นนักลงทุนทั่วไปก็ให้ความสนใจที่จะเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ดังนั้นคาดว่าภายในปี 2552 บริษัทฯจะมีบัญชีซื้อขายหุ้นในต่างประเทศกว่า 300 บัญชี

นายสุชาย กล่าวด้วยว่า นอกจากการให้บริการซื้อขายในตลาดหุ้นต่างประเทศแล้ว บริษัทฯ เตรียมที่จะเปิดให้บริการกองทุนส่วนบุคคลที่ไปลงทุนในต่างประเทศซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยจะมีการลงทุนทั้งในระดับภูมิภาคและทั่วโลก