ปตท. เคมิคอล เปิดจองหุ้นกู้ 1-3 ธ.ค. นี้ มอบดอกเบี้ยสูง 5.30-6.45%

บริษัท ปตท. เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ผู้นำในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ของประเทศและบริษัทในเครือของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ชวนประชาชนทั่วไปและนักลงทุนสถาบัน จองซื้อหุ้นกู้อายุ 5 ปี และ 7 ปี ระหว่าง 1-3 ธันวาคมนี้ที่ 6 สถาบันการเงินชั้นนำที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ มั่นใจให้ผลตอบแทนสูง

นาย วีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ปตท. เคมิคอล เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปและนักลงทุนสถาบันจองซื้อหุ้นกู้ของบริษัทฯ ได้ระหว่าง 1-3 ธันวาคมนี้ ผ่าน 6 สถาบันการเงินชั้นนำของประเทศ คือ ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคาร ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคาร ทหารไทย จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด (มหาชน)

“ผลตอบแทนจากหุ้นกู้ของปตท. เคมิคอล ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจมาก โดยหุ้นกู้อายุ 5 ปีนั้น ในระหว่าง 1-3 ปีแรกจะให้ผลตอบแทน 5.30% และปีที่ 4-5 ให้ผลตอบแทน 6.00% ต่อปี ส่วนหุ้นกู้อายุ 7 ปีนั้น ในระยะ 5 ปีแรกจะให้ผลตอบแทนเท่ากัน และเพิ่มเป็น 6.45% ในปีที่ 6 และ 7 นอกจากนี้ การที่บริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ A+ จากบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุนด้วยว่าการลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทฯ เป็นทางเลือกที่ดีและมั่นคงในระยะยาว โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการออมเงิน การลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทฯ ถือเป็นทางเลือกที่ดีในการออม ” นายวีรศักดิ์กล่าว

ปตท. เคมิคอล ได้ออกหุ้นกู้เพื่อจัดหาเงินทุนสำหรับขยายกิจการและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ ตามแผนงานเดิมที่ได้กำหนดไว้แล้ว โดยโครงการสำคัญทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายในปี 2552 นี้

บริษัท ปตท. เคมิคอล จำกัด (มหาชน)
ปตท. เคมิคอล คือ ผู้ผลิตโอเลฟินส์รายใหญ่อันดับหนึ่งของประเทศไทย และเป็นผู้ผลิตโอเลฟินส์ที่มีกำลังการผลิตสูง 1 ใน 5 ของภูมิภาคเอเชีย ในฐานะแกนนำด้านธุรกิจปิโตรเคมี และเคมีภัณฑ์ของ ปตท. บริษัทฯ มุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความเป็นหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมเคมีระดับโลก โดยการเพิ่มศักยภาพการผลิต เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และขยายฐานธุรกิจการลงทุนไปสู่ธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ ในรูปของบริษัทในเครือและบริษัทร่วมทุนต่างๆ อีกเป็นจำนวนมาก เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนและครบวงจร