เชฟโรเลต พร้อมรับมือปีหน้า ย้ำจุดยืนอยู่ดำเนินธุรกิจระยะยาวในประเทศไทย

จากภาพ :มร.อันโตนิโอ ซาร่า (กลาง) รองประธานฝ่ายขาย การตลาด และบริการหลังการขาย บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด นำคณะกรรมการอำนวยการบริหารของบริษัทฯ เข้าร่วมงานประชุมผู้จำหน่ายรถยนต์เชฟโรเลต ประจำปี 2551 พร้อมด้วยผู้แทนจำหน่ายเชฟโรเลตจากทั่วประเทศ ภายใต้แนวคิด “Gearing for The Growth”

เชฟโรเลตเผยผลดำเนินงานและความสำเร็จในปี 2551 พร้อมคาดการณ์สถานการณ์และประกาศทิศทางการดำเนินงานปี 2552 และวิสัยทัศน์ในการดำเนินงานระยะยาว ในงานประชุมผู้จำหน่ายประจำปี 2551 โดยบริษัทฯ ยังคงมีผลประกอบการที่น่าพึงพอใจแม้เผชิญสภาวะเศรษฐกิจ การเมืองและราคาน้ำมันที่ผันผวน พร้อมรับมือสถานการณ์ตลาดปีหน้า มุ่งพัฒนาแบรนด์ให้เติบโตอย่างมั่นคงยิ่งขึ้นไป พร้อมเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีพลังงานทางเลือก ย้ำจุดยืนจีเอ็มจะอยู่และดำเนินธุรกิจในระยะยาวในประเทศไทยแน่นอน

ระหว่างงานประชุมผู้จำหน่ายรถยนต์เชฟโรเลต ประจำปี 2551ทางเชฟโรเลตได้เปิดเผยถึงความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในไทย โดยเฉพราะรถรุ่น ออพตร้า CNG และแคปติวา ที่มียอดขายที่น่าพึงพอใจที่สุด ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ โดยเฉพาะออพตร้า CNG ที่ได้รับผลจากการที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น ขณะที่สมรรถนะ ดีไซน์ และความคุ้มค่าของ แคปติวาก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ซึ่งผลการสำรวจล่าสุดโดย เจดี พาวเวอร์ เผยว่า รถรุ่น แคปติวา นั้นเป็นยานยนต์ที่มีคุณภาพสูงสุดเป็นอันดับสองในประเภทรถยนต์อเนกประสงค์ เอสยูวี และอาวีโอ ได้รับการสำรวจว่าเป็นรุ่นที่มีการปรับปรุงด้านคุณภาพขึ้นสูงสุด

สตีฟ คาร์ไลส์ ประธานกรรมการ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส เซาท์อีสต์เอเชีย โอเปอเรชั่นส์ จำกัด ให้ความเห็นว่า “วิกฤตทางการเงินที่เกิดขึ้นทั่วโลกได้ส่งผลกระทบไปทั่ว ไม่เพียงแต่อุตสาหกรรมยานยนต์เท่านั้น แต่ยังลุกลามไปถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่นกัน เราคาดการณ์ว่าภาพรวมตลาดรถยนต์ในปีหน้าจะไม่สดใสนัก อย่างไรก็ตามเรามองว่าวิกฤตสามารถนำมาซึ่งโอกาส และเรายังคงมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในระยะยาวในประเทศไทย ดังนั้นนอกจากเราจะเน้นการพัฒนาเรื่องคุณภาพซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญอย่างยิ่งต่อแบรนด์แล้ว การปรับโครงสร้างผลิตภัณฑ์และการปรับโครงสร้างการบริหารภายในบริษัทฯรวมถึงแผนการตลาดที่เราได้มีการปรับใช้มาระยะหนึ่งแล้วและแผนการดำเนินงานที่วางไว้ในอนาคตจะช่วยให้เราสามารถรักษาตำแหน่งและเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันเพื่อเป็นที่สุดในอุตสาหกรรมยานยนต์ต่อไป ทั้งนี้ เราจะยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีทางเลือก ซึ่งเราคาดว่าจะมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในอนาคต”

มร.คาร์ไลส์ กล่าวต่อไปอีกว่า “ผลพวงจากราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง อาจทำให้ความสนใจในเทคโนโลยีพลังงานทางเลือกลดลงไปบ้าง แต่เราตระหนักว่าพลังงานทางเลือกจะเป็นแหล่งพลังงานที่ยั่งยืนในอนาคต โดยจะเป็นหนทางที่ช่วยให้ประเทศไทยสามารถลดภาระพึ่งพิงการนำเข้าน้ำมันดิบ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ประเทศสามารถประหยัดเงินตราต่างประเทศมูลค่าหลายพันล้านบาทในแต่ละปีที่ใช้เพื่อการนำเข้าน้ำมันแล้ว ยังเป็นการช่วยลดการพึ่งพาการใช้น้ำมันจากแหล่งธรรมชาติที่มีจำกัดอยู่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นพลังงานทางเลือกจะกลายเป็นสิ่งสำคัญอีกครั้งหนึ่งเมื่อราคาน้ำมันกลับมาพุ่งสูงขึ้นหากเศรษฐกิจฟื้นตัว ซึ่งจะเห็นได้ว่าผู้บริโภคชาวไทยก็มีความตื่นตัวในเรื่องนี้พอสมควร เห็นได้จากงานมหกรรมยานยนต์ในปีนี้ที่อาวีโอ E20 มียอดขายสูงสุด เมื่อเทียบกับรถยนต์ของเชฟโรเลตรุ่นอื่นๆ นอกจากนี้โคโรลาโด ซีเอ็นจีและ ออพตร้า ซีเอ็นจี ก็ได้รับความสนใจไม่น้อยเช่นกัน”

ส่วนทางด้าน มร.อันโตนิโอ ซาร่า รองประธานฝ่ายขาย การตลาด และบริการหลังการขาย บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) ให้ความเห็นว่า ปี 2552 จะเป็นปีที่ท้าทายอีกปีหนึ่งสำหรับผู้ผลิตยานยนต์ทุกราย ทั้งนี้เชฟโรเลตจะหันมาให้ความสนใจในการทำกิจกรรมทางการตลาดแบบ below the line มากขึ้น ควบคู่ไปกับการทำการตลาดแบบดิจิตอลและการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น แต่เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การรักษามาตรฐานความเป็นมืออาชีพในการนำเสนอสินค้าและบริการคุณภาพ

ทั้งนี้ในงานประชุมผู้จำหน่ายประจำปี 2551 นี้ นอกจากจะมีการลงนามต่อสัญญาการเป็นผู้แทนจำหน่ายกับดีลเลอร์ทั้งหมดทั่วประเทศแล้ว ยังมีพิธีลงนามเซ็นสัญญาแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายเชฟโรเลตรายใหม่กับนายมาร์ค โลว์ บริษัท ไซม์ ดาร์บี้ รีเจ้นท์ มอเตอร์ส จำกัด เพื่อเป็นผู้แทนจำหน่ายในเขตสุขาภิบาล 3 อีกด้วย

“ที่ผ่านมาเชฟโรเลตก็ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากเครือข่ายผู้แทนจำหน่าย เราเชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพของสินค้าและบริการหลังการขายของตัวแทนจำหน่ายจะสามารถสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า และทำให้เชฟโรเลตสามารถดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคงและเติบโตได้ในระยะยาว” มร.อันโตนิโอ กล่าวสรุป