ตลาดหลักทรัพย์อาเซียนลงนามร่วมมือพัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์เชื่อมโยงการซื้อขายหลักทรัพย์

ตลาดหลักทรัพย์ในกลุ่มอาเซียน 5 ตลาด ได้แก่ ตลาดหลักทรัพย์มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) มุ่งพัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์เชื่อมโยงการซื้อขายหลักทรัพย์ (The Electronic Trading Link) ของกลุ่มตลาดหลักทรัพย์ในอาเซียน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภูมิภาค โดยระบบนี้จะช่วยให้สามารถส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ในภูมิภาคได้คล้ายกับการซื้อขายหลักทรัพย์ภายในประเทศของตน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการทำธุรกรรมซื้อขายหลักทรัพย์ข้ามประเทศในภูมิภาคอาเซียน และสามารถดึงดูดเงินลงทุนจากตลาดทุนโลกเข้าสู่กลุ่มประเทศอาเซียน

นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ตลาดหลักทรัพย์ในกลุ่มอาเซียนให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ การทำงานร่วมกันเพื่อสร้างให้เกิดตลาดร่วมในกลุ่มประเทศอาเซียน จะเปิดโอกาสการลงทุนได้อีกมาก บันทึกข้อตกลงที่ร่วมลงนามกันในวันนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกันของตลาดหลักทรัพย์กลุ่มอาเซียน ซึ่งสำคัญยิ่งที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จได้ในการแข่งขันระดับโลก บันทึกข้อตกลงฉบับนี้ จะสร้างประโยชน์ให้แก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งบริษัทจดทะเบียน ผู้ลงทุน และผู้ร่วมตลาดอื่นๆ”

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายกรณ์ จาติกวณิช กล่าวว่า “ความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่ง ที่จะช่วยให้ระบบการเงินของกลุ่มประเทศอาเซียนมีพัฒนาการและมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้ง จะช่วยสนับสนุนการเปิดเสรีของภาคการเงินอีกด้วย ความร่วมมือกันของตลาดหลักทรัพย์อาเซียนจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาวะแวดล้อมของเศรษฐกิจโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาระบบซื้อขายหลักทรัพย์ร่วมกันถือได้ว่าเป็นอีกจุดเริ่มต้นหนึ่งที่จะเชื่อมโยงตลาดทุนเข้าด้วยกัน โดยมีกฎเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีปฏิบัติที่สอดคล้องกันในแต่ละประเทศ ตามที่กลุ่มประเทศอาเซียนกำหนดไว้เป็นเป้าหมายในปี 2558”

ดาโต๊ะ ยูสลิ โมฮัมมัด ยูซอฟ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ตลาดหลักทรัพย์มาเลเซีย กล่าวว่า “จำเป็นอย่างยิ่งที่ตลาดหลักทรัพย์อาเซียนต้องร่วมมือกันใกล้ชิดมากขึ้นเพื่อรักษาบทบาทในตลาดทุนโลก ตลาดหลักทรัพย์มาเลเซียมุ่งมั่นที่จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จึงสนับสนุนโครงการเช่นนี้ และหวังว่าจะส่งผลให้มีการซื้อขายหลักทรัพย์ในกลุ่มประเทศอาเซียนมากขึ้น และยกระดับความน่าสนใจของหลักทรัพย์ในภูมิภาคในสายตาของนักลงทุนโลก

นายเออร์รี่ เฟอร์มันชยา ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซียกล่าวว่า “การพิจารณาเข้าร่วมโครงการสร้างระบบเชื่อมโยงระหว่างตลาดหลักทรัพย์อาเซียนนี้ ตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซียคำนึงถึงหลักการสำคัญ 3 ประการ คือ ต้องรักษาสภาพคล่องของตลาดทุนของแต่ละประเทศ ได้รับการยอมรับจากบริษัทหลักทรัพย์ท้องถิ่น โดยไม่เกิดผลเสียต่อธุรกิจที่บริษัทหลักทรัพย์เหล่านี้มีอยู่ และสามารถพัฒนาตลาดทุนของอาเซียนให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น บนพื้นฐานของระบบบริหารความเสี่ยงที่รัดกุมและมีประสิทธิภาพ

นายฟรานซิสโก เอ็ดดราลิน ลิม ประธานและกรรมการเจ้าหน้าที่บริหาร ตลาดหลักทรัพย์ฟิลิปปินส์ ได้เปิดเผยถึงพัฒนาการที่มุ่งตอบสนองผู้ลงทุนทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลกนี้ว่า “ระบบเชื่อมโยงการซื้อขายหลักทรัพย์นี้เปิดโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจไปสู่ตลาดหลักทรัพย์อื่น ๆ ในอาเซียน ยกตัวอย่างเช่น ผู้ลงทุนชาวฟิลิปปินส์จะสามารถซื้อขายหลักทรัพย์จากอินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย หรือสิงคโปร์ได้อย่างสะดวกเหมือนกับซื้อขายหลักทรัพย์ในฟิลิปปินส์เอง นอกจากนี้ จะเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนจากนอกกลุ่มอาเซียนสามารถซื้อขายหลักทรัพย์ของกลุ่มอาเซียนได้สะดวกและง่ายขึ้น ซึ่งจะส่งเสริมให้กลุ่มอาเซียนได้รับการยอมรับว่าเป็นอีกกลุ่มประเทศหนึ่งที่มีหลักทรัพย์ที่น่าสนใจสำหรับผู้ลงทุน”

นาย เซีย ฟู หัว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ตลาดหลักทรัพย์สิงค์โปร์ กล่าวว่า “ระบบการเชื่อมโยงการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในวันนี้ จะสามารถต่อยอดเป็นระบบที่ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ในแต่ละประเทศจะให้บริการรับฝากหลักทรัพย์และเป็นนายทะเบียนให้หลักทรัพย์ของกลุ่มอาเซียนแก่ลูกค้าในประเทศของตนได้ ตลาดหลักทรัพย์อาเซียนจะร่วมมือกันพัฒนาระบบหักบัญชีที่จะสนับสนุนการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์สำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์ข้ามประเทศ บริษัทหลักทรัพย์ต่าง ๆ จะได้รับประโยชน์มากขึ้น และลดความเสี่ยงของการทำธุรกรรมกับระบบหักบัญชีนอกประเทศ”

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า “โครงการความร่วมมือนี้จะเปิดโอกาสให้ตลาดหลักทรัพย์อื่น ๆ ในกลุ่มอาเซียนที่ไม่ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในวันนี้สามารถเข้าร่วมได้ในอนาคต ในขณะนี้ คณะทำงานอยู่ระหว่างการพิจารณาคัดเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม และกำหนดขั้นตอนการเชื่อมโยงระบบของแต่ละตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มใช้ระบบการเชื่อมโยงการซื้อขายหลักทรัพย์ทางอิเล็กทรอนิกส์นี้ได้ภายในปี 2553”

“ในฐานะที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นเลขานุการของโครงการนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ขอแสดงความชื่นชมต่อตลาดหลักทรัพย์อาเซียนที่มุ่งมั่นพัฒนาระบบนี้ร่วมกัน ซึ่งหวังว่าบันทึกข้อตกลงความร่วมมือวันนี้จะนำไปสู่ความร่วมมือที่จะทำให้ตลาดทุนอาเซียนมีความเชื่อมโยงกันมากขึ้น มีกฎเกณฑ์และขั้นตอนปฏิบัติที่เข้าสู่มาตรฐานเดียวกันและเป็นที่สนใจของนักลงทุนภายนอกมากขึ้น” นางภัทรียากล่าว