SABINA โชว์งบปี 51 กำไรพุ่ง 46.88% จ่ายปันผลเพิ่ม 0.65 บาท พร้อมลุยขยายตลาดในประเทศ

“ซาบีน่า” ประกาศงบการเงินงวดปี 51 โชว์กำไรพุ่ง 46.88% พร้อมจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นเพิ่มอีก 0.65 บาทต่อหุ้น รวมเป็นอัตราปันผลสำหรับผลการดำเนินงานทั้งปี 1.40 บาทต่อหุ้น ด้านผู้บริหารเผยวางยุทธศาสตร์บุกตลาดภายในประเทศต่อเนื่อง พร้อมตั้งทีมติดตามข้อมูลเข้าถึงใจผู้บริโภคก่อนออกผลิตภัณฑ์ใหม่ มุ่งเดินหน้าแผนเปิดสาขาซาบีน่าช็อปอีก 5 สาขา

นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA เปิดเผยถึงผลประกอบการในงวด 1 ปี 2551 (มกราคม-ธันวาคม 2551) ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,953.85 ล้านบาท ลดลง 114.05 ล้านบาทหรือ 5.52% จากปีก่อนซึ่งมีรายได้รวม 2,067.90 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 180.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.53 ล้านบาท หรือ 46.88% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 122.72 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2552 ยังมีมติให้จ่ายเงินปันผลประจำปี 2551 ในอัตราหุ้นละ 1.40 บาท ซึ่งบริษัทฯได้จ่ายเงินปันผลสำหรับ ผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2551 ไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.75 บาท ดังนั้น บริษัทฯ จึงจะจ่ายเงินปันผลเพิ่มเติมในอัตราหุ้นละ 0.65 บาท ซึ่งคิดเป็นการจ่ายเงินปันผลร้อยละ 54 จากนโยบายจ่ายเงินปันผลที่ไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิ โดยบริษัทฯ กำหนด ปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผล ในวันที่ 12 พฤษภาคม 2552 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 22 พฤษภาคม 2552
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซาบีน่า กล่าวว่า การที่บริษัทฯ มีกำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้น 46.88% นั้นมา จากการปรับเพิ่มสัดส่วนการขายภายในประเทศภายใต้แบรนด์ซาบีน่าไปพร้อมๆ กับการรับจ้างผลิตให้กับแบรนด์ต่างๆ ในตลาดยุโรปที่มีอัตรากำไรต่อหน่วยสูง

“กำไรสุทธิที่เพิ่มสูงขึ้นนั้น มาจากการที่เราเน้นทำตลาดในประเทศอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีมาร์จินที่ดีกว่าตลาดต่างประเทศอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ ตลาดต่างประเทศเราก็โฟกัสไปที่ตลาดยุโรป ซึ่งถือเป็นตลาดพรีเมี่ยมและมีราคาขายที่ดีกว่า ตลาดอื่นๆ ดังนั้น เราจึงขายสินค้าได้ในราคาที่แพงขึ้น ในขณะที่ปริมาณการผลิตน้อยลงทำให้ต้นทุนการผลิตของเราก็ต่ำลงไปด้วย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซาบีน่ากล่าว

สำหรับทิศทางธุรกิจในปี 2552 บริษัทฯ ประเมินว่า ทุกๆ ธุรกิจจะต้องมีการปรับกลยุทธ์เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ โดยปีนี้บริษัทฯ ยังมองว่า ตลาดภายในประเทศยังเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของบริษัทฯ ในการสร้างการเติบโต

ดังนั้น ที่ผ่านมาบริษัทฯ จึงมุ่งเดินไปในแนวทางที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคคนไทยเป็นหลักผ่านทีมงานที่ตั้งขึ้นมา เพื่อติดตามข้อมูลกับกลุ่มเป้าหมายอย่างใกล้ชิด ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ เข้าใจถึงความต้องการที่แท้จริง และสามารถตอบสนองกับพฤติกรรมการบริโภค ที่เปลี่ยนไปได้ ทั้งการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และการขยายช่องทางการขาย โดยปีนี้บริษัทฯมีแผนจะเปิดสาขาซาบีน่าช็อปอีก 5 สาขา จากปัจจุบันที่มีจำนวนทั้งสิ้น 7 สาขา

“เรามองว่า ตลาดภายในประเทศยังมีความสามารถในการเติบโต แต่เราต้องใกล้ชิดกับข้อมูลมากขึ้นว่าผู้บริโภคมีความต้องการอะไรจริงๆ และตัวแปรอะไรมีผลต่อพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น ราคา แฟชั่น แบรนด์ ซึ่งเราจะมีการวางแผนในระยะสั้นมากขึ้น” นายบุญชัยกล่าว