เอชพีเปิดกลยุทธ์ฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจ “When Everything Counts”

• ช่วยลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ลดค่าใช้จ่ายในองค์กรถึงร้อยละ 30 ด้วยโซลูชั่นการบริหารจัดการงานพิมพ์แบบ Managed Print Services (MPS) สามารถประหยัดพลังงานถึงร้อยละ 30 – 80

• ให้ลูกค้าเอสเอ็มบีสามารถ ‘ใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า’ โดยเสนอโซลูชั่นลดค่าใช้จ่ายในการพิมพ์และประหยัดพลังงานสูงสุดถึงร้อยละ 50 พร้อมมอบแคมเปญ HP Officejet Pro Leasing Program บริการให้ใช้เครื่องฟรีเพื่อช่วยลูกค้า SMB ประหยัดการลงทุนฮาร์ดแวร์

เอชพีนำเสนอกลยุทธ์การตลาด “When Everything Counts” สำหรับลูกค้าทุกระดับสู้วิกฤติเศรษฐกิจในปีนี้ ด้วยวิธีการแปลงค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน (CAPEX) ให้เป็นค่าใช้จ่ายที่จัดการและควบคุมได้ (OPEX) หมายถึงลดค่าใช้จ่ายด้านการพิมพ์อย่างมีประสิทธิภาพ และนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและพลังงานอย่างเหนือชั้นนอกจากนี้ มีโซลูชั่นและบริการที่มีความยืดหยุ่นเสนอเป็นทางเลือกเพิ่มเติม สนับสนุนการทำงานของลูกค้าระดับเอสเอ็มบีและลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ ข้อเสนอเหล่านี้จะช่วยให้ลูกค้าประสบความสำเร็จในการวางกลยุทธ์ด้านการลดต้นทุนทั้งแบบทันทีและในระยะยาวท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย ณ ปัจจุบัน ที่ทุกอย่างถูกคำนวนเป็นเงินต้นทุนและค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น แม้กระทั่งค่าใช้จ่ายที่คาดไม่ถึง เช่น ค่าพลังงานและการสิ้นเปลืองเวลาจากความยุ่งยากด้านการจัดการ รวมทั้งยังเป็นการวางระบบบริหารจัดการเพื่อความสำเร็จของธุรกิจทั้งระยะสั้นและระยะยาว

นำพาธุรกิจฝ่าวิกฤติด้วยระบบการจัดการงานพิมพ์ที่มีคุณภาพอย่างเหนือชั้น
แม้ว่าเศรษฐกิจในปัจจุบันจะอยู่ในสภาวะถดถอย แต่ตลาดไอทีในเอเชียแปซิฟิกยังคงได้รับการคาดหวังว่าจะสามารถขยายตัวได้ในปี พ.ศ. 2552 ซึ่งในภาวะเช่นนี้ องค์กรธุรกิจต่างมุ่งหวังและให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนค่าใช้จ่ายด้านการซื้อสินทรัพย์ที่จะกลายเป็นต้นทุนให้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สามารถจัดการและควบคุมได้แทน อันเนื่องมาจากการที่ผู้บริหารต้องการรักษาความคล่องตัวทางด้านเงินสดและเลื่อนภาระทางการเงินออกไปให้ยาวนานขึ้น ทั้งนี้ นักวิเคราะห์อุตสาหกรรม เช่น บริษัท IDC ได้ให้ข้อสังเกตว่ามีความต้องการทางด้านบริการการพิมพ์แบบ Managed Print Services เพิ่มขึ้นอย่างมากทั่วทั้งภูมิภาค เช่นเดียวกับความต้องการใช้งานโซลูชั่นที่ล้ำหน้าเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายและปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจส่งผลสู่การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในธุรกิจองค์กร ฯลฯ

นายสมชัย สูงสว่าง ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจภาพและการพิมพ์ บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอยได้กลายเป็นเรื่องเร่งด่วนทางธุรกิจที่ทุกบริษัทต้องหันมาใส่ใจในเงินทุกบาทที่ใช้จ่ายไป เมื่อทุกอย่างมีความสำคัญสำหรับการตัดค่าใช้จ่ายในสภาวะการดำเนินธุรกิจที่มีความท้าทายเช่นนี้ บริษัทต่างๆ สามารถวางใจให้เอชพีเป็นคู่ค้าที่จะช่วยหาหนทางแบบเร่งด่วนและรวดเร็วเพื่อช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน โดยขั้นแรกคำนึงถึงการเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดและลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น คือการตระหนักถึงค่าใช้จ่ายที่ มองไม่เห็นและคาดไม่ถึง เอชพีต้องการทำหน้าที่ของเราในการช่วยหาทางออกให้กับลูกค้าเพื่อ ลดค่าใช้จ่าย และลดความกดดันเรื่องกระแสการเงินหมุนเวียนในธุรกิจ สามารถจัดการกับค่าใช้จ่ายในเรื่องการพิมพ์ได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่คุ้มค่าของเรา ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ โซลูชั่นด้านการพิมพ์ เครื่องมือเสริม และโปรแกรมสนับสนุนต่างๆ ซึ่งรวมถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นในการบริหารงานพิมพ์แบบ Managed Print Services (MPS) ของเอชพี นับเป็นเครื่องยืนยันว่าถึงเวลาแล้วที่ลูกค้าควรหันไปให้ความสำคัญแก่บริการดังกล่าว และคว้าโอกาสเพื่อการประหยัดต้นทุนอย่างเร่งด่วน จึงจะสามารถบริหารค่าใช้จ่ายได้ผลยิ่งขึ้น และเพิ่มพูนประสิทธิผลภายในบริษัท นอกจากนี้ การปรับเวิร์คโฟลว์ด้านงานเอกสาร (Document Workflows) ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นยังนับเป็นวิธีใหม่ของการบริหารต้นทุนทางไอทีและธุรกิจให้คุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นการรองรับการเติบโตในระยะยาวเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว ดังนั้น การประกาศกลยุทธ์ “When Everything Counts” ในวันนี้ ถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงพันธะสัญญาที่เอชพีมีต่อลูกค้ามากยิ่งขึ้น และเป็นการชี้นำตลาดให้คำนึงถึงลูกค้าของตนเองยามวิกฤติ เพื่อเข้าช่วยเหลือพวกเขาทันเวลาทั้งยังสามารถยกระดับผลประกอบการธุรกิจให้อยู่ใด้ ด้วยการลงทุนด้านเทคโนโลยีที่ชาญฉลาด”

แคมเปญ “When Everything Counts” มุ่งที่จะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในเซ็กเม้นต์เอสเอ็มบีและเอ็นเตอร์ไพรซ์ด้วยโซลูชั่นและบริการดังนี้

กลุ่มลูกค้าเอสเอ็มบี (SMBs) ลูกค้าเอสเอ็มบีให้ความสำคัญกับปัญหาความกดดันด้านงบประมาณอย่างเร่งด่วน ชุดโซลูชั่นและโปรแกรมของเอชพีจะช่วยให้ธุรกิจเอสเอ็มบี สามารถลดค่าใช้จ่ายในการพิมพ์ และลดต้นทุนการใช้พลังงาน มีการจัดการระบบการพิมพ์และการใช้ประสิทธิภาพเครื่องพิมพ์ในบริษัทได้อย่างคุ้มค่าและลดปัญหาค่าใช้จ่ายในทันที

การจัดการงานพิมพ์ที่มีประสิทธิภาพสำหรับลูกค้าเอสเอ็มบีประกอบไปด้วย
• การลดค่าใช้จ่ายในการพิมพ์ต่อหน้า (CPP) ได้ถึงร้อยละ 50 ด้วยเครื่องพิมพ์ HP Officejet Pro System รุ่นล่าสุด ที่นอกจากจะลดค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แล้ว ยังช่วยลดพลังงานเมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์แบรนด์อื่นๆ

• ประหยัดพลังงานด้วยเทคโนโลยี Instant-on ของเครื่องพิมพ์ HP LaserJet ที่สามารถเริ่มการพิมพ์หน้าแรกได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังช่วยลดการใช้พลังงานได้สูงสุดร้อยละ 50 เหนือกว่าการใช้เทคโนโลยีฟิวเซอร์แบบเก่า

• แปลงค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน (CAPEX) ให้เป็นค่าใช้จ่ายที่จัดการและควบคุมได้ (OPEX) ด้วยโครงการ “HP Leasing Program” ลดค่าใช้จ่ายด้านฮาร์ดแวร์และค่าดำเนินการด้วยโปรแกรมการใช้เครื่องพิมพ์รุ่น HP Officejet Pro โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งทำให้ลูกค้า เอสเอ็มบีสามารถอัพเกรดเครื่องพิมพ์ที่มีอยู่โดยไม่ต้องจ่ายเงินค่าฮาร์ดแวร์เพิ่ม ช่วยให้ลูกค้า SMB สามารถปรับปรุงสภาพคล่องของกระแสเงินสดหมุนเวียนในธุรกิจ ลูกค้าจ่ายเพียงค่าหมึกพิมพ์เพียงเดือนละ 2 ตลับในราคาตายตัว โดยผ่อนจ่ายเป็นรายเดือนตลอดระยะเวลาการใช้เครื่องพิมพ์ หรืออย่างต่ำ 12 เดือน ซึ่งจะช่วย SMBs ลดค่าใช้จ่ายใน การพิมพ์ได้มากกว่า 50% จากการใช้เครื่องพิมพ์ในกลุ่ม HP Officejet Pro

• ตั้งค่าการพิมพ์เป็นแบบ 2 หน้าอัตโนมัติ หรือ Duplex Printing เพื่อลดการสิ้นเปลืองของกระดาษ นอกจากนี้ เทคโนโลยีการส่งข้อมูลดิจิตอลของ HP เช่น การส่งแฟกซ์ไปยังอีเมล์ และการจัดการไฟล์ดิจิตอล จะทำให้ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนเอกสารไปเป็นดิจิตอลฟอร์แมท จึงช่วยลดการใช้กระดาษและลดค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บ ในขณะเดียวกันก็ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานด้วย (ตามการรายงานของการ์ทเนอร์ องค์กรสามารถลดค่ากระดาษต่อปีได้อย่างน้อยร้อยละ 30 โดยเลือกการพิมพ์สองหน้าไว้เป็นค่ามาตรฐานในเครื่องพิมพ์ทั่วทั้งองค์กร)

• โซลูชั่น Color Access Control ช่วยจัดการงานพิมพ์สีเพื่อประหยัดต้นทุน ลูกค้าสามารถ ควบคุมและตรวจสอบการพิมพ์สีในองค์กรให้เหมาะสมต่อความสำคัญของงานและผู้ใช้ รวมทั้งเรียงลำดับงานที่จำเป็น เพื่อให้สามารถจัดการและควบคุมค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิผลที่คุ้มค่ายิ่งขึ้น

สำหรับกลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ (Enterprise Segment) เอชพีสนับสนุนให้ลูกค้าองค์กรบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพทันที เพื่อเพิ่มอัตราการเจริญเติบโตของผลผลิตทางธุรกิจทั้งในเวลาอันใกล้และในระยะยาว เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับความสำเร็จในอนาคตเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว โดยบริหารจัดการงานพิมพ์ดังนี้

การจัดการงานพิมพ์สำหรับลูกค้าองค์กรประกอบไปด้วย
• บริการ HP Managed Print Services (MPS) ช่วยให้องค์กรสามารถลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับงานด้านภาพและการพิมพ์ได้มากถึงร้อยละ 30 บริการ HP MPS ช่วยให้ลูกค้าองค์กรสามารถจัดการลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการจัดซื้ออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และบริหารสภาพแวดล้อมงานด้านภาพและการพิมพ์ได้อย่างง่ายดาย ลูกค้าจึงสามารถทุ่มเทความสนใจไปที่ การบริหารงานหลักของพวกเขาโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดการงานพิมพ์ นอกจากนี้ องค์กรธุรกิจยังจะได้รับโอกาสอัพเกรดอุปกรณ์เครื่องพิมพ์ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยยิ่งขึ้นเหมาะสมกับสภาพการขับเคลื่อนของอุตสาหกรรมเพื่อลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการบริหารต้นทุนรวมขององค์กร (Total Cost of Ownership) อีกด้วย

• ตอกย้ำการเพิ่มผลิตผลทางธุรกิจด้วยทรัพยากรที่น้อยกว่า ดังจะเห็นได้จากการที่ นักวิเคราะห์ในวงการธุรกิจได้จัดอันดับให้เอชพีอยู่ในฐานะผู้บริหารงานด้านการพิมพ์ระดับแถวหน้า อาทิ การ์ทเนอร์ (Gartner) ได้จัดให้เอชพีอยู่ในกลุ่มผู้นำ (Leaders Quadrant) ในประเภท “Magic Quadrant for Managed Print Services Worldwide” ไอดีซี (IDC) ได้เผยผลวิจัยผู้ใช้ล่าสุดว่าเอชพีได้รับเลือกให้เป็นอันดับหนึ่งในประเภท ผู้ให้บริการ ซึ่งพบว่าระบบการบริหารจัดการงานพิมพ์ของเอชพีเป็นโซลูชั่นที่ ติดตั้งง่าย ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานเดิม งานวิจัยที่จัดทำขึ้นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของไอดีซีเมื่อเร็วๆ นี้พบว่า ร้อยละ 15-20 ขององค์กรทั้งหมดที่ไอดีซีได้สัมภาษณ์ระบุว่าพวกเขาวางแผนที่จะเริ่มใช้งานโซลูชั่นการพิมพ์หรือบริการที่เกี่ยวกับเอกสารในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า และ แบบสำรวจเดียวกันได้แสดงให้เห็นว่าเอชพีเป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจของธุรกิจในประเภทตลาดบริการการพิมพ์

• บริหารงานพิมพ์อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วย HP Optimization Assessment ที่ช่วยให้องค์กรพัฒนาแผนการใช้งานเครื่องพิมพ์และปรับสภาพแวดล้อมการพิมพ์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อหาโซลูชั่นที่จะตอบสนองความต้องการด้านความปลอดภัย คำนวนอัตราการคืนทุน การทำสำเนาภาพเอกสาร และปัญหาทางธุรกิจอื่นๆ การประเมินดังกล่าวจะระบุเครื่องมือสนับสนุน วางระเบียบแบบแผน และแนะวิธีการใช้การดูแลรักษาเครื่องพิมพ์ทั้งหมดในองค์กรได้ในระยะยาว

• สนับสนุนการบริหารจัดการกระแสเงินหมุนเวียนของลูกค้าองค์กร ด้วยการนำเสนอสัญญาให้บริการที่มีความยืดหยุ่น สืบเนื่องจากสภาวะตลาดในปัจจุบัน เอชพีจึงช่วยลูกค้าองค์กร ให้มีการบริหารจัดการกระแสเงินหมนเวียน ด้วยการนำเสนอสัญญาให้บริการที่มีความยืดหยุ่น โดยเสนอทางเลือกใหม่ในการแบ่งจ่ายผ่อนชำระได้ตามระยะที่ต้องการแทนที่จะต้องจ่ายเงินค่าบริการทั้งหมดในคราวเดียวดังแต่ก่อน ข้อเสนอใหม่นี้ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกว่าจะชำระค่าบริการตามสัญญาระบุ เป็นรายเดือน รายไตรมาส หรือรายครึ่งปี ทั้งยังได้รับสิทธิประโยชน์จาก HP Care Packs เช่นเดิม สำหรับลูกค้าปัจจุบันที่ต้องการยืดระยะเวลาการใช้งานเครื่องพิมพ์ ลูกค้าสามารถเลือกบริการประกันสินค้าหลังการขายเพิ่มเติมเพื่อคุ้มครองนานกว่าเดิมจากระยะเวลาประกันมาตรฐาน12 เดือน และหากลูกค้าทำสัญญาเพื่อรับบริการหลังการการขายสำหรับเครื่องพิมพ์ที่กำหนด หรือเครื่องพิมพ์ มัลติฟังก์ชั่น (MFP) ที่มีระยะเวลานาน 3 ถึง 5 ปี ลูกค้าสามารถเลือกที่จะไม่ต้องจ่ายค่าบริการใดๆ ในช่วง 12 เดือนแรกของสัญญาได้

• นอกเหนือจากบริการภาพและการพิมพ์แล้ว นวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีของผลิตภัณฑ์ยังมีส่วนช่วยลดค่าไฟอีกด้วย อาทิ ใช้บริการงานพิมพ์ของเอชพีที่ช่วยลดการใช้พลังงานและวัตถุดิบน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการใช้ผลิตภัณฑ์เดี่ยวๆ ประหยัดการใช้พลังงานได้มากถึงร้อยละ 50 ด้วยเครื่องพิมพ์เลเซอร์เจ็ทของเอชพีที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Instant-on และซอฟต์แวร์ HP Web Jetadmin (WJA) ที่ได้รับรางวัล บริษัทจึงสามารถตั้งค่า sleep mode และ wake mode เพื่อปิดเครื่องในช่วงตอนกลางคืนและวันหยุดสุดสัปดาห์ และสามารถประหยัดพลังงานที่ใช้ในสำนักงานได้มากถึงร้อยละ 66 นอกจากนี้ องค์กรยังสามารถทำการประเมินจำนวนเครื่องพิมพ์และปรับลดจำนวนเครื่องพิมพ์ให้เหมาะสมตามการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ องค์กรจึงสามารถเลือกกำจัดอุปกรณ์ที่มีการใช้งานน้อยออกไปได้

นอกจากนี้ มีอีกหลายวิธีที่เอชพีสามารถช่วยบริษัทต่างๆ ประเมินอุปกรณ์เครื่องพิมพ์ที่มีอยู่ในปัจจุบันและคำนวนค่าใช้จ่ายจากการพิมพ์ อาทิ
• บริการประเมินการพิมพ์ที่เรียกว่า “HP Eco Printing Assessment” เพื่อประเมินการใช้พลังงาน การใช้กระดาษ และปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอน รวมทั้งให้คำแนะนำวิธีปฏิบัติในการเคลื่อนตัวสู่การเป็น “องค์กรสีเขียว”

• HP Carbon Footprint Calculator เพื่อเปรียบเทียบปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนของอุปกรณ์เครื่องพิมพ์ที่มีอยู่เดิม กับเครื่องพิมพ์ชุดใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า เพื่อให้ตระหนักถึงการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงาน

“ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกบริการด้านการพิมพ์ของเอชพีได้เติบโตอย่างมาก โดยมูลค่าสัญญาลูกค้าได้เพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 108 ในปีพ.ศ. 2551 เมื่อเทียบกับในปี 2550 ลูกค้าที่ใช้บริการด้านการพิมพ์ในเอเชียแปซิฟิกสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านการพิมพ์ลงไปได้ ในฐานะผู้นำทางด้านธุรกิจการพิมพ์เราจึงได้นำกลยุทธ์ “When Everything Counts” มานำเสนอเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า ในประเทศไทย ซึ่งเราเชื่อมั่นว่ากลยุทธ์ดังกล่าวจะช่วยลูกค้าของเราตั้งแต่กลุ่มเอสเอ็มบีจนถึง เอ็นเตอร์ไพรซ์ให้ฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจ เตรียมความพร้อมเพื่อความสำเร็จในอนาคตเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว โดยจะช่วยให้ลูกค้าลดค่าใช้จ่ายทางด้านการจัดการงานพิมพ์ ซึ่งค่าใช้จ่ายบางอย่างอาจเป็นค่าใช้จ่ายที่มองไม่เห็นหรือไม่ใด้ตระหนักต่อผลกระทบในภาพรวม แต่ ณ สภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ที่การใช้จ่ายทุกบาททุกสตางค์ต้องเป็นไปอย่างระมัดระวังและรอบคอบ นี่จึงเป็นโอกาสในการประหยัดค่าใช้จ่ายที่บริษัทต้องคำนึงถึง ซึ่งบริการด้านงานพิมพ์ของเอชพีจะสามารถช่วยให้ลูกค้าลดใช้จ่ายของต้นทุนสูงสุดถึงร้อยละ 30 ได้อย่างแน่นอน” นายสมชัย กล่าวปิดท้าย

ข้อมูลเกี่ยวกับเอชพี
เอชพี เป็นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ที่สุดของโลกที่นำเสนอประสบการณ์การใช้งานเทคโนโลยี ที่สะดวกและง่ายดายสำหรับลูกค้าคอนซูเมอร์จนถึงองค์กรธุรกิจระดับต่างๆ ด้วยพอร์ทโฟลิโอ ที่ครอบคลุมด้านการพิมพ์ คอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ การบริการ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานทาง ด้านไอที สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเอชพี (NYSE: HPQ) สามารถเข้าชมได้ที่ www.hp.com