ตลท. เผย 32 บจ. คุณภาพอยู่กับตลาดทุนกว่า 30 ปี ระดมทุนแล้วกว่า 5 แสนล้าน

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ครบรอบ 34 ปี ยืนยันทำหน้าที่สร้างสภาพคล่องสำหรับหลักทรัพย์ที่ภาคธุรกิจออกเพื่อระดมทุน ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน พร้อมเปิดโผบริษัทชั้นนำที่อยู่เคียงคู่ตลาดทุนไทยมากว่า 30 ปี รวม 32 บริษัท มีมูลค่าระดมทุนทั้งสิ้น 582,555 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่องด้วย Market Capitalization เพิ่มขึ้นร้อยละ 4,591 ขณะที่ยอดขายรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 3,660 และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 5,634

นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 34 ปี ตั้งแต่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เปิดทำการซื้อขายหลักทรัพย์จนถึงปัจจุบัน ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ผ่านวิกฤตเศรษฐกิจที่สำคัญมาหลายครั้ง แต่ในทุกเหตุการณ์ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็ได้ผ่านวิกฤตต่าง ๆ มาได้ทุกครั้ง จึงเป็นบทพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีบทบาทสำคัญในการเป็นแหล่งระดมทุนทั้งเพื่อการขยายตัวและการแก้ปัญหาทางการเงินของภาคธุรกิจ อีกทั้งเป็นส่วนสนับสนุนให้แก่บริษัทจดทะเบียนแม้ในยามที่ต้องเผชิญกับความผันผวนทางเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศ”

“ในช่วงกว่า 3 ทศวรรษที่ผ่านมา นอกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ มีส่วนช่วยให้ธุรกิจสามารถระดมทุนได้ด้วยต้นทุนการระดมทุนต่ำ โดยภาคธุรกิจได้ระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมถึงประมาณ 2.4 ล้านล้านบาทแล้ว บทบาทสำคัญของตลาดหลักทรัพย์ฯ คือการทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดรอง สร้างสภาพคล่องสำหรับหลักทรัพย์ที่ภาคธุรกิจออกเพื่อระดมทุน เพื่อให้ธุรกิจขยายตัว เกิดการจ้างงาน นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังเป็นทางเลือกในการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนสำหรับผู้มีเงินออม มีส่วนขยายฐานภาษีให้รัฐบาล รวมทั้ง มีส่วนร่วมพัฒนาโครงสร้างตลาดทุนเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงเห็นได้ว่าตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นกลไกสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนและผลักดันเศรษฐกิจ ตลอดจนมีบทบาทสำคัญในระบบการเงินและสังคมของประเทศ” นายปกรณ์กล่าว

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ในวันที่ 30 เมษายนนี้ ซึ่งเป็นวันครบรอบ 34 ปี แห่งการดำเนินงาน ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้จัดให้มีงาน Celebrating 30+ Years as a Listed Company เพื่อแสดงความขอบคุณและแสดงความยินดีแก่บริษัทจดทะเบียนจำนวน 32 บริษัท ที่จดทะเบียนและซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นระยะเวลา 30 ปีขึ้นไป”

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดทำการซื้อขายครั้งแรกในวันที่ 30 เมษายน 2518 โดยมีบริษัทที่เริ่มซื้อขายในวันเดียวกันจำนวน 11 บริษัท ซึ่งในจำนวนนี้ มีบริษัทจดทะเบียน 5 บริษัทร่วมเดินทางและเติบโตคู่กับตลาดหลักทรัพย์ฯ ตลอดระยะเวลา 34 ปี จนถึงปัจจุบัน ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) (BJC) บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) (DTC) บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC) และบริษัททุนธนชาต จำกัด (มหาชน) (TCAP)

“ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีความภูมิใจที่บริษัทจดทะเบียนทั้ง 32 บริษัท ได้เติบโตเคียงคู่กับตลาดหลักทรัพย์ฯ มาโดยตลอด และได้ใช้ประโยชน์จากตลาดทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเห็นได้จากมูลค่าการระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมทั้งสิ้น 582,555 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 26 หรือประมาณ 1 ใน 4 ของการระดมทุนรวม มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงถึง 664,180 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 19 ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม และที่สำคัญผลการดำเนินงานประจำปี 2551 มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 88,538 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 31 ของผลการดำเนินงานรวมทุกกลุ่มอุตสาหกรรม” นางภัทรียากล่าว

บริษัทจดทะเบียนทั้ง 32 บริษัท มีการเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง จากมูลค่าตามราคาตลาดในปีแรกที่เริ่มเข้าจดทะเบียน 14,156 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 664,180 ล้านบาทในปัจจุบัน เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 4,591 หรือเฉลี่ยร้อยละ 13 ต่อปี และจากการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทได้นำไปขยายธุรกิจ สนับสนุนการเติบโตของบริษัท ส่งผลให้ยอดขายรวมซึ่งในปีแรกที่มีเพียง 19,220 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 722,761 ล้านบาทในปี 2551 ที่ผ่านมา หรือเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 3,660 หรือเฉลี่ยร้อยละ 12 ต่อปี ด้านกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 1,544 ล้านบาท เป็น 88,538 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5,634 หรือเฉลี่ยร้อยละ 13 ต่อปี

“เห็นได้ว่าบริษัทจดทะเบียนทั้ง 32 บริษัท เป็นส่วนสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และมีผลให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ทำหน้าที่เป็นกลไกที่สำคัญสำหรับบริษัทจดทะเบียนในการระดมทุนจากประชาชน เพื่อเพิ่มโอกาสและความสามารถในการแข่งขันให้กับบริษัท ภารกิจสำคัญที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงมุ่งมั่นดำเนินการต่อไป คือ การสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ผู้ลงทุน สร้างผู้ลงทุนรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง การนำบริษัทที่มีคุณภาพเข้าจดทะเบียนเพิ่มขึ้น การส่งเสริมให้มีการพัฒนาคุณภาพของบริษัทจดทะเบียนทั้งในด้านการบริหารจัดการและบรรษัทภิบาล ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ เมื่อรวมกันแล้วย่อมช่วยให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ของไทยเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ และเป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป” นางภัทรียากล่าว