หุ้นกลุ่มน้ำมันปาล์มไตรมาสแรกวูบ เหตุยอดขายต่ำราคาขายต่อหน่วยลด

ล่ำสูง น้ำมันพืชไทยและสหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม ไตรมาสแรกปีนี้กำไรตกถ้วนหน้า เหตุยอดขายต่ำลงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อนและราคาขายต่อหน่วยลด ส่งผลให้กำไรขั้นต้นลดและต้นทุนขายต่ำลง

นางสาวอัญชลี สืบจันทศิริ กรรมการ บริษัท ล่ำสูง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (LST) และบริษัทย่อยแจ้งผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปีนี้ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 120.82 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 132.51 ล้านบาท หรือลดลงงจากปีก่อน 11.70 ล้านบาท คิดเป็น 8.83% ผลจากรายได้จากการขายของบริษัทฯ และบริษัทย่อยลดลง 766.20 ล้านบาท คิดเป็น 31.49 % ขณะที่ต้นทุนขายลดลงเล็กน้อยจาก 84.29 % ในปี 51 เป็น 81.05% ในปี 52 ทำให้กำไรขั้นต้นลดลง 66.33 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจาก รายได้จากการขายในส่วนผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ลดลง 727.37 ล้านบาท คิดเป็น 35.54 %โดยมาจากปริมาณขายลดลง 15.15 % และราคาขายถัวเฉลี่ยต่อหน่วยลดลง 20.39 %

ขณะที่บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้อื่นลดลง จากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ลดลง ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 8.0% เป็น 15.1 %ซึ่งมีผลมาจากราคาน้ำมันปาล์มดิบถั่วเฉลี่ยต่อกิโลกรัมลดลงถึง 33.48%

นางสาวสุดารัตน์ วิทยฐานกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท น้ำมันพืชไทย จำกัด (มหาชน)(TVO) แจ้งงบไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิ 321.05 ล้านบาท ลดจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำไว้ 584.54 ล้านบาท หรือลดลง ง 263.50 ล้านบาท หรือ 45.08% เมื่อเปรียบเทียบกับผลประกอบการไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจาก สินค้าคงเหลือยกมาในปี 52 มีราคาสูง ทำให้กำไรของบริษัทลดลงดังกล่าว

นางสาวอัญชลี สืบจันทศิริ กรรมการ บริษัท สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) (UPOIC)ชี้แจงผลการดำเนินงานของบริษัท

และบริษัทย่อยสำหรับไตรมาสที่ 1/2552 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 41.40 ล้านบาท เปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 51 ที่มีกำไรสุทธิ 108.91 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 67.52 ล้านบาท คิดเป็น ลดลง 61.99 % ผลจาก รายได้จากการขายลดลง 180.90 ล้านบาท โดยมีปริมาณการขายน้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันเมล็ดในปาล์ม ลดลง 9.76 %และ 66.11 % ตามลำดับ อีกทั้งราคาขายต่อหน่วยของน้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันเมล็ดในปาล์ม ที่ปรับตัวลดลง 32.37 % และ 50.23 % ตามลำดับ ในขณะที่ต้นทุนขายเพิ่มขึ้นจาก 53.99% เป็น 66.67 % ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯ ลดลงจาก 46.01% เป็น 33.33% ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายต่ำลง ส่วนใหญ่มาจากค่าขนส่งที่ลดลงซึ่งสอดคล้องกับปริมาณขายที่ลดลง