โฟร์พัฒนาชี้จัดสรร 2-4 ไร่ไม่ต้องทำสาธารณูปโภคช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาฯ

โฟร์พัฒนาฯระบุประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลางที่กำหนดที่ดินไม่เกิน 2 ไร่เขต กทม. และ 4 ไร่ เขตองค์การบริหารส่วนตำบล ไม่ต้องทำพื้นที่สาธารณูปโภคส่วนกลาง คาดผู้ประกอบการสามารถทำโครงการง่ายขึ้น ขณะที่เจ้าของที่ดินมีโอกาสร่วมลงทุนเพิ่มมูลค่าที่ดินได้ เผยรูปแบบโครงการใหม่ ๆ จะเกิดขึ้นอีกมากโดยเฉพาะโครงการในเมืองที่เน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่

นายปราโมทย์ ธีรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฟร์พัฒนา จำกัด เปิดเผยว่า ประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง เรื่องกำหนดนโยบายการจัดสรรที่ดินเพื่ออยู่อาศัยและพาณิชยกรรมฉบับที่ 6 (พ.ศ.2552) ที่ผ่านมาว่าด้วยเรื่องของคำขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล ในการกระตุ้นภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และสนับสนุนให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยสามารถมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง มีการปรับเปลี่ยนข้อกำหนดในส่วนของหัวข้อเรื่องโครงการจัดสรรที่ดินที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ ในเขตกรุงเทพมหานคร เทศบาลเมือง เทศบาลตำบล หรือเมืองพัทยา ที่มีจำนวนแปลงย่อยไม่เกิน 20 แปลง จากข้อกำหนดเดิมไม่เกิน 10 แปลง และเนื้อที่เพื่อการจำหน่ายไม่เกิน 2 ไร่ และ ที่ดินในเขตองค์การบริหารส่วนตำบล ที่มีจำนวนแปลงย่อยไม่เกิน 30 แปลง และมีเนื้อที่เพื่อการจำหน่ายไม่เกิน 4 ไร่ ให้สามารถทำโครงการจัดสรรได้โดยไม่ต้องกันพื้นที่ไว้เพื่อจัดทำสาธารณูปโภคประเภทสวน สนามเด็กเล่น หรือสนามกีฬา จากข้อกำหนดเดิมที่ต้องมีพื้นที่ในส่วนดังกล่าวไม่น้อยกว่า 5% รวมถึงขนาดของถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกในที่ดินแปลงย่อยให้มีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า 8 เมตร จากเดิม 9 เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า 6 เมตรนั้นถือว่าประกาศดังกล่าวจะสามารถช่วยสนับสนุนให้เกิดการลงทุนในโครงการใหม่ ๆ ได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโครงการขนาดเล็กที่มีรูปแบบและคอนเซ็ปต์ที่ดี รวมถึงเจ้าของที่ดินแปลงเล็ก ๆ ที่ต้องการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับที่ดินด้วยการร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการ

“กรณีดังกล่าวจะทำให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กมีโอกาสที่จะพัฒนาโครงการได้มากขึ้น รวมถึงเจ้าของที่ดิน ที่ต้องการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับที่ดินของตนเองด้วยการร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการในการพัฒนาโครงการ รวมถึงรูปแบบของโครงการคอนเซ็ปต์ใหม่ ๆ ที่เน้นความเป็นส่วนตัว มีจำนวนที่อยู่อาศัยที่ไม่มาก นอกจากนี้ราคาบ้านของโครงการที่เข้าหลักเกณฑ์นี้จะไม่สูงเนื่องจากผู้ประกอบการไม่ต้องลงทุนเรื่องพื้นที่ส่วนกลางมากนัก โดยในช่วงนี้ถึงแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะไม่เอื้ออำนวยมากนัก แต่ทางบริษัทฯก็ยังเล็งหาพันธมิตรใหม่ ๆ ที่จะสามารถทำโครงการร่วมกันด้วยเช่นกัน ซึ่งมาตรการดังกล่าวก็น่าจะมีส่วนที่ช่วยสนับสนุนให้เกิดการลงทุนมากขึ้นในอนาคตด้วยเช่นกัน ” นายปราโมทย์ กล่าว

นายปราโมทย์ กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาบริษัทฯใช้วิธีการร่วมลงทุนกับเจ้าของที่ดิน โดยเน้นโครงการที่มีขนาด ไม่ใหญ่มากนัก การที่ภาครัฐมีการออกประกาศดังกล่าวคาดว่าจะทำให้โครงการในรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างเจ้าของที่ดินกับผู้ประกอบการมีมากขึ้น ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการที่มีทุนไม่สูงสามารถทำโครงการคุณภาพแข่งกับผู้ประกอกการรายอื่น ๆ ได้ เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงาน และขั้นตอนการดำเนินงานลดลง โดยปัจจุบันได้มีเจ้าของที่ดินหลายแปลงเข้ามาติดต่อเพื่อร่วมลงทุนทำโครงการที่อยู่อาศัยรูปแบบใหม่ ๆ ซึ่งบริษัทฯกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ โดยโครงการที่เหมาะจะเข้าหลักเกณฑ์ดังกล่าวน่าจะเป็นโครงการที่อยู่ในเมือง แต่มีขนาดของที่ดินไม่ใหญ่ สามารถพัฒนาในรูปแบบที่เน้นความเป็นส่วนตัว และไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่ต้องทำงานอยู่ในเมืองเป็นหลัก