จาก “บางโพ” ถึง “บ้านถวาย”…ถนนสายไม้อวดโฉม ในงาน “เมดอินไทยแลนด์ 2552”

ความประณีตงดงามในฝีมือเชิงช่างชั้นครู งานไม้ดีไซน์หรูคุณภาพส่งออกเปี่ยมอรรถประโยชน์ หลากสไตล์จากผู้ผลิตชื่อดังในย่านการค้าไม้ และงานหัตถศิลป์ที่ทำจากไม้สำคัญของไทยรอสร้างความประทับใจแก่ผู้เข้าชมงาน “เมดอินไทยแลนด์ 2552” งานแสดงสินค้า ครั้งยิ่งใหญ่ประจำปีที่กระทรวงพาณิชย์จะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-12 กรกฎาคมนี้ ณ ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี

“งานไม้ของไทยสูงด้วยคุณค่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวัตถุดิบที่มีอยู่หลากหลาย หรือเรื่องของฝีมืออันยอดเยี่ยมของช่างไทย รวมทั้งการออกแบบที่โดดเด่นทันสมัย ซึ่งทุกปัจจัยล้วนสะท้อนถึงศักยภาพของผู้ผลิตไทยที่มีความพร้อมเต็มที่สำหรับตลาดโลก กรมส่งเสริมการส่งออกจึงได้เร่งดำเนินนโยบายเพื่อสนับสนุนและผลักดันสินค้างานไม้จากย่านการค้าไม้สำคัญของไทยสู่ผู้บริโภคทั่วโลก” นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์เปิดเผย

ทั้งนี้ ในงาน “เมดอินไทยแลนด์ 2552” กรมส่งเสริมการส่งออกจะรวบรวมผู้ผลิตชั้นนำจากย่านการค้าไม้ที่มีชื่อเสียงจากทั่วกรุงเทพมหานคร อาทิ บางโพและจตุจักร ตลอดจนย่านดังอื่นๆ ของประเทศ เช่น ชุมชนบ้านถวาย ในจังหวัดเชียงใหม่ มานำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพทั้งประเภทเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน งานแกะสลัก โคมไฟ กรอบรูป และอื่นๆ

“การนำเสนอศักยภาพของผู้ผลิตชั้นนำจากย่านการค้าไม้สำคัญของไทยครั้งนี้จะช่วยสร้างกระแสความนิยมในผลิตภัณฑ์งานไม้ไทยในหมู่ผู้บริโภคทั้งชาวไทยและต่างชาติ อันจะนำไปสู่การเพิ่มมูลค่าการส่งออกให้กับประเทศ พร้อมกระตุ้นการหมุนเวียนของเงินตราภายในประเทศได้อีกทางหนึ่ง” อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออกกล่าว โดยเปิดเผยว่าการส่งออกของอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนของไทยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2552 มีมูลค่า 217.82 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์ไม้และชิ้นส่วนคิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 50 สำหรับตลาดส่งออกหลัก ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร ซึ่งมีมูลค่ารวม 122.23 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมทั้งตลาดที่มีศักยภาพ ได้แก่ ประเทศจีนซึ่งมีมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 222.07

นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์งานไม้แล้ว “งานเมดอินไทยแลนด์ 2552” ยังจะจัดแสดงผลิตภัณฑ์และบริการจากผู้ผลิต ผู้ส่งออก และผู้ประกอบการกว่า 2,000 บริษัท ใน 4,600 คูหา บนพื้นที่เกือบ 1 แสนตารางเมตรของอาคาร 1-6 และอาคารชาเลนเจอร์ 1-3 ครอบคลุมทุกกลุ่มอุตสาหกรรมทั้งอาหารและเครื่องดื่ม เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน แฟชั่นและเครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์ OTOP ตลอดจนธุรกิจบริการการท่องเที่ยว แฟรนไชส์ สินค้าธงฟ้าราคาประหยัด ฯลฯ นอกจากนั้นยังมีร้านค้าของศิลปินดาราซึ่งจะจัดแสดงใน ”สตาร์ พาวิลเลี่ยน” ตลอดจนหลากหลายกิจกรรมบันเทิงโดยศิลปินชื่อดังของไทย และกิจกรรมชิงโชคเพื่อลุ้นรางวัล ทุกวัน ผู้สนใจสามารถเข้าชมรายละเอียดได้ที่ www.madeinthailandfair.com