คีนันผุดโครงการช่วยธุรกิจเอสเอ็มอี ลดผลกระทบ- เพิ่มขีดแข่งขันรับ EU FTA

สถาบันคีนันแห่งเอเซีย ผุดโครงการหาความช่วยเหลือธุรกิจ SME ที่อาจได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีการค้ากับสหภาพยุโรป โดยใช้เวลาศึกษา 16 เดือน ก่อนจะนำเสนอข้อมูลที่ได้ต่อภาครัฐ ภาคเอกชน และสาธารณชน เพื่อหาทางลดผลกระทบและพลิกสร้างโอกาสการแข่งขันทางธุรกิจ

นายพอล วิเด็ล กรรมการอำนวยการ สถาบันคีนันแห่งเอเซีย เปิดเผยว่า ทางสถาบันได้เล็งเห็นความสำคัญของการเตรียมตัวรองรับการเปิดเสรีทางการค้าของประเทศไทยกับสหภาพยุโรป ซึ่งบางธุรกิจจะได้ประโยชน์เต็มที่ แต่บางธุรกิจอาจได้รับผลกระทบบ้าง จึงได้เกิด “โครงการหาความช่วยเหลือกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในประเทศไทยเพื่อลดผลกระทบจาก Thailand –EU FTA” ขึ้น โดยหวังว่าโครงการนี้ จะทำให้รู้อย่างชัดเจนถึงเครื่องมือที่จะช่วยยกระดับการค้าการลงทุนในประเทศไทย รวมถึงการค้าการลงทุนที่ทำระหว่างสหภาพยุโรปกับประเทศไทย ด้วย

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะมีการศึกษาถึงแง่มุมต่างๆ อย่างรอบด้าน ทั้งผลกระทบในด้านบวกและด้านลบ โดยจะคัดเลือก 10 ภาคธุรกิจหลักขึ้นมาศึกษา ซึ่งผลที่ออกมาน่าจะสามารถหาทางลดผลกระทบ และอาจช่วยพลิกสถานการณ์ของบางธุรกิจจากที่อาจถูกกระทบให้กลับเป็นฝ่ายที่ได้รับโอกาสที่ดีได้ด้วย นอกจากนี้ โครงการยังจะศึกษาการช่วยเหลือของภาครัฐที่ทำอยู่แล้ว ว่ามีอะไรบ้าง พร้อมทั้ง ศึกษานโยบายการให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมที่จะลดผลกระทบด้านลบ และสร้างความแข็งแกร่งในเชิงการแข่งขันของธุรกิจเอสเอ็มอี

กรรมการอำนวยการ สถาบันคีนันแห่งเอเซีย ยังกล่าวอีกว่า โครงการนี้ได้รับทุนศึกษาวิจัยเป็นจำนวนเงิน 100,000 ยูโร หรือประมาณ 4,576,400 บาท จากสหภาพยุโรป และยังเป็นโอกาสดีที่จะได้รับฟังความเห็นจากองค์กรทางวิชาการ องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร (NGOs) และกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในประเทศไทย ทั้งนี้โครงการนี้ จะทำในรูปแบบการสัมภาษณ์ การวิจัย และการสัมมนา ซึ่งจะจัดขึ้นตั้งแต่เดือนกันยายน 2552 และจะรวบรวมข้อมูลนำเสนอต่อสาธารณชนในงานสัมมนาใหญ่ ที่จะจัดขึ้นเดือนพฤษภาคม 2553

สำหรับผู้ประกอบธุรกิจเอสเอ็มอี และบุคคลที่เกี่ยวข้อง สามารถติดต่อสอบถามข้อมูล หรือติดตามดูรายละเอียดและแสดงความคิดเห็น ที่เว็บไซต์ www.kiasia.org หรือจะส่งอีเมล์มาได้ที่ SME-FTA@kiasia.org ทั้งนี้ โครงการหาความช่วยเหลือกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในประเทศไทยเพื่อลดผลกระทบจาก Thailand–EU FTA คาดว่าจะสิ้นสุดโครงการภายในเดือนมิถุนายน 2553