กสิกรไทยจับมือสสว.สร้างเอสเอ็มอีมือใหม่

กสิกรไทย จับมือสสว.ผุดโครงการก่อร่างสร้างตัวเพื่อเอสเอ็มอีรายใหม่ เร่งเสริมสร้างศักยภาพเอสเอ็มอีมือใหม่ ให้ความรู้พร้อมข้อมูลเชิงลึกเพื่อใช้บริหารธุรกิจให้อยู่รอด หลังครึ่งปีแรกจีดีพีของเอสเอ็มอีไทยลดไป 2%เหลือ 3.4 ล้านล้านบาท การจ้างงานลดลง 2.74%

นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากการที่ธนาคารกสิกรไทย เป็นผู้นำในการให้การสนับสนุนทางด้านการเงินแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมาโดยตลอด รวมทั้งได้ออกบริการสนับสนุนธุรกิจเริ่มต้นกสิกรไทย (K-SME Start up Solutions) เพื่อให้การสนับสนุนด้านบริการทางการเงินและความรู้สำหรับเอสเอ็มอีที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นทำธุรกิจ

ดังนั้นเพื่อเป็นการเสริมศักยภาพให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมากยิ่งขึ้น ธนาคารกสิกรไทย จึงร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จัดทำโครงการก่อร่างสร้างตัวเพื่อเอสเอ็มอีรายใหม่ เพื่อร่วมมือกันในการฝึกอบรมให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เพิ่งเริ่มต้นทำธุรกิจ เพื่อสร้างเอสเอ็มอีสายพันธุ์ใหม่ที่มีความรู้ ความสามารถในการบริหารจัดการธุรกิจให้อยู่รอด และสามารถแข่งขันได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศตั้งแต่เริ่มต้นทำธุรกิจ

สำหรับโครงการก่อร่างสร้างตัวเพื่อเอสเอ็มอีรายใหม่นี้ จะเป็นครั้งแรกที่ สสว.ให้การสนับสนุนวิทยากรและผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการของเอสเอ็มอีแก่ธนาคารพาณิชย์ โดยมีเป้าหมายที่จะจัดหลักสูตรอบรมให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีใหม่อย่างน้อยเดือนละ 2 หลักสูตร หรือในปีนี้ให้ได้ประมาณ 14 หลักสูตร โดยคาดว่าจะมีเอสเอ็มอีเข้ารับการอบรมประมาณ 1,000 ราย โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ K SME Care Knowledge Center โทร. 0 2160 5203-4

ด้านนายภักดิ์ ทองส้ม รองผู้อำนวยการรักษาการผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ธุรกิจเอสเอ็มอีในประเทศไทยต้องเผชิญปัญหาทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมการผลิต ภาคค้าปลีกและค้าส่ง และภาคบริการ ที่กำลังได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจอย่างรุนแรง

สำหรับภาพรวมของเอสเอ็มอีของไทยคาดว่า GDP ของเอสเอ็มอีในครึ่งปีแรก (ณ มิถุนายน 2552) มีมูลค่าประมาณ 3.4 ล้านล้านบาท ลดลงประมาณ 2% โดยจำนวนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอยู่ในภาวะทรงตัวหรือปรับลดลงเล็กน้อย คือมีประมาณ 2.4 ล้านราย จำนวนแรงงานประมาณ 8.91
ล้านคน ลดลง 2.74% และมีสัญญาณว่ามูลค่าตลาด (วัดจากรายได้สุทธิ การส่งออก กำไร ผลตอบแทน
ความสามารถการชำระหนี้ ผลิตภาพแรงงาน ผลิตภาพทุน) อาจจะลดลงต่อเนื่องจากปี 2551 ทำให้อยู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี โดยมีมูลค่าประมาณ 5.7 ล้านล้านบาท ลดลงจากปี 2551 ประมาณ 2.33% เป็นการส่งออก 1.58 ล้านล้านบาท ลดลง 6.41% และมีกำไรสุทธิประมาณ 2.29 แสนล้านบาท ลดลง 8.51%

จากสภาพการทั่วไปของเอสเอ็มอีที่อยู่ในสภาวะถดถอย ดังนั้น สสว. จึงได้ร่วมมือกับธนาคาร กสิกรไทย ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่ให้ความสำคัญกับเอสเอ็มอีมาตลอด จัดทำโครงการก่อร่างสร้างตัวเพื่อเอสเอ็มอีรายใหม่ โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะสร้างเอสเอ็มอีรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถรอบด้าน ตั้งแต่เริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อจะให้สามารถยืนหยัดดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งจะเป็นความหวังของระบบเศรษฐกิจไทยต่อไป

นายปกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมในตอนท้ายว่า ปัจจุบันธนาคารมีการจัดอบรมสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ในโครงการส่งเสริมการจัดการอย่างยั่งยืน โดยร่วมมือกับศูนย์บ่มเพาะธุรกิจสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งธนาคารจัดไปแล้วรวมจำนวน 9 รุ่น มีผู้เข้าร่วมอบรมประมาณ 4,000 ราย และยังร่วมกับสสท.เปิดโครงการวินิจฉัยธุรกิจให้เอสเอ็มอี (ชินดัง) เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในการวิเคราะห์ศักยภาพและสถานภาพของธุรกิจให้ทราบถึงปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาเบื้องต้น เพื่อหาแนวทางในการลดต้นทุนการผลิต การปรับปรุงประสิทธิภาพเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ผู้ประกอบการ