เคซีอี ปลื้ม Q2 กำไรพุ่ง 104% ลุยเดินเครื่องรง.บางปู เพิ่มการผลิต

เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ ผู้ผลิตและส่งออกแผ่นพิมพ์วงจรอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของโลก เผยผลงานไตรมาส 2 มีกำไร 4.9 ล้านบาท รายได้รวม 1,376.4 ล้านบาท มั่นใจตั้งแต่ไตรมาส 3 ผลดำเนินงานยิ่งสดใส ผลจากผู้ผลิตแผ่นพิมพ์วงจรอิเล็กทรอนิกส์ในยุโรปหลายรายปิดกิจการ ส่งผลให้ผู้ซื้อในยุโรปหันมาสั่งสินค้าจากเคซีอีแทน ประกอบกับเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว เตรียมเดินเครื่องโรงงานบางปูเดือนกันยายนนี้ หลังปิดชั่วคราวเมื่อปลายปีก่อน เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต รองรับออเดอร์ที่จะทยอยสั่งตั้งแต่ไตรมาส 3 รายได้ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท

นายบัญชา องค์โฆษิต ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลดำเนินงานในไตรมาส 2 ของปีนี้ว่า มีกำไรสุทธิ 4.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 104.8% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งขาดทุน 101.3 ล้านบาท กำไรหุ้นละ 0.01 บาท เพิ่มขึ้น 104.5% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งขาดทุนหุ้นละ 0.22 บาท รายได้รวม 1,376.5 ล้านบาท ลดลง 34% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้รวม 2,085 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากเทียบรายได้ไตรมาส 2 กับไตรมาส 1 ของปีนี้นับว่ารายได้ไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 21%

“สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวในปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะรถยนต์ จึงส่งผลกระทบต่อเคซีอีโดยตรง เนื่องจากเคซีอีเป็นผู้ส่งออกแผ่นพิมพ์วงจรอิเล็กทรอนิกส์เกือบ 100% และมีกลุ่มลูกค้าหลักอยู่ในอุตสาหกรรมรถยนต์ อย่างไรก็ตาม จากการปรับขบวนการผลิตและปรับการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้สามารถพลิกจากขาดทุนมาเป็นกำไรได้ในไตรมาส 2 และยังมั่นใจว่าตั้งแต่ไตรมาส 3 เป็นต้นไปจะมีผลดำเนินงานดียิ่งขึ้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว ขณะเดียวกันผู้ผลิตรถยนต์หลายรายได้หันมาสั่งซื้อสินค้าจากเคซีอีมากขึ้นเนื่องจากผู้ผลิตแผ่นพิมพ์วงจรอิเล็กทรอนิกส์ในยุโรปหลายรายปิดกิจการลงในช่วงที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ” นายบัญชา กล่าว

นายบัญชา กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ เคซีอีได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าทั้งรายเก่าและรายใหม่เพิ่มขึ้น เหตุผลที่บริษัทรถยนต์หลายรายเลือกสั่งสินค้าจากเคซีอี เนื่องจากเชื่อมั่นในคุณภาพและความเชี่ยวชาญของเคซีอีซึ่งอยู่ในวงการมากว่า 25 ปี และมีลูกค้าเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกจำนวนมากซึ่งเป็นสิ่งที่รับประกันถึงผลงานที่มีคุณภาพ โดยเคซีอีได้ตั้งเป้าหมายว่าในไตรมาส 3 ปีนี้จะมียอดขาย 1,500-1,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 20% จากไตรมาส 2 และตั้งเป้ายอดขายทั้งปีไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท และเนื่องจากได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น จึงมีนโยบายที่จะเปิดดำเนินการผลิตที่โรงงานบางปูอีกครั้งตั้งแต่เดือน กันยายนนี้ หลังจากปิดชั่วคราวเมื่อปลายปีที่ผ่านมา เพื่อให้ผลิตสินค้าได้ทันและเพียงพอกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งขณะนี้ ได้รับพนักงานเพิ่มแล้ว 400 คน จะทยอยรับเพิ่มเป็น 1,000 คน ภายในปีนี้