กลุ่มแสนสิริ ประกาศรุกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ด้วยส่งพลัส-ทัช

แสนสิริ ประกาศเจตนารมย์เดินสู่เป้าหมายความเป็นผู้นำทั้งด้านพัฒนาโครงการ และการให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ชัดเจนที่สุดในประเทศไทย ส่งพลัส และทัช เน้นงานบริการฯ ทั้งบริการเชิงบุคคล และบริการในรูปแบบบริษัท ผุดธุรกิจการให้บริการใหม่อีกมากมาย เพื่อสนองตอบความต้องการของลูกค้ามากที่สุด ตั้งมั่นผลประกอบการ 17,000 ล้านบาท ได้ชัวร์!!!!

นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจของกลุ่มแสนสิริว่า กลุ่มแสนสิริ พร้อมเดินหน้าพัฒนาธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ด้วยการเน้นศักยภาพในเรื่องของ “การพัฒนาและให้บริการแบบไร้รอยต่อ” หรือ (Seamless Service) นั้นคือ ให้บริการลูกค้าตั้งแต่การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพ ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็น บ้านเดี่ยว บ้านแฝด คอนโดมิเนียม ทาวน์เฮ้าส์ อาคารพาณิชย์ หรือที่ดินเปล่า ไปจนถึงการดูแลระหว่างการซื้อขาย ก่อนโอนกรรมสิทธิ์ รวมไปถึงการดูแลหลังการเข้าอยู่อาศัยแล้วด้วย ทำให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนกับว่าแค่เลือกใช้บริการจากแสนสิริ ก็ได้รับการดูแลที่ครอบคลุมทุกความต้องการในด้านอสังหาริมทรัพย์ และสามารถจบทุกความต้องการได้ที่แสนสิริที่เดียว ซึ่งนอกจากจะให้บริการลูกค้าของกลุ่มแสนสิริแล้ว ยังขยายการให้บริการไปยังกลุ่มบุคคลนอกที่ต้องการบริการคุณภาพจากกลุ่มงานธุรกิจการให้บริการของเราอีกด้วย ทั้งนี้กลุ่มแสนสิริได้ตั้งเป้ารายได้จากการดำเนินธุรกิจปี 2552 ไว้จำนวน 17,000 ล้านบาท แบ่งตามกลุ่มธุรกิจออกเป็น 3 กลุ่มอย่างชัดเจน ได้แก่ ธุรกิจการพัฒนาโครงการ จำนวน 16,400 ล้านบาท , ธุรกิจให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ (ซื้อ ขาย ให้เช่า, บริหารงานขาย, บริหารจัดการโครงการ, ตรวจสอบอาคาร, ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์) จำนวน 500 ล้านบาท และธุรกิจอื่นๆ ที่สร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง (ให้เช่าอาคาร, โรงแรม, สปา) จำนวน 100 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายในการเป็นผู้ประกอบการที่ให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร และครอบคลุมทุกความต้องการด้านการอยู่อาศัยมากที่สุด รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย

นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ รองกรรมการผู้จัดการสายงานบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า ในส่วนธุรกิจการให้บริการซื้อ ขาย ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ (Plus Agency) เมื่อเทียบกับภาวะเศรษฐกิจในช่วงปีที่ผ่านมา เรายังคงสามารถทำรายได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่จะมาจากการซื้อขายเปลี่ยนมือคอนโดมิเนียมเป็นหลัก รองลงมาคือ ธุรกิจประเภทให้เช่า โดยเฉพาะตลาดเช่าในกรุงเทพนั้นดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แสดงให้เห็นศักยภาพของทีมขายที่มีประสิทธิภาพบวกกับสินทรัพย์ในมือที่มีคุณภาพ โดยปัจจุบันมีทั้งสิ้นรวมกว่า 20,000 รายการ ทั้งนี้ในส่วนของต่างจังหวัด 3 เมืองหลักที่เราบุกตลาดไปเปิดสาขาให้บริการในพื้นที่หัวหิน ภูเก็ต และพัทยา ปัจจุบันมีลูกค้าให้ความสนใจเข้ามาใช้บริการ และสามารถปิดการขายได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ อีกทั้งเรายังสามารถสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำของกลุ่มเป้าหมาย และสร้างความเชื่อมั่นให้กลุ่มลูกค้า ส่งผลให้มีผู้ประกอบการวางใจให้เราเข้าไปบริหารงานขาย (Sale Management) และบริหารจัดการโครงการ (Facility Management) ในพื้นที่ดังกล่าวอีกด้วย ทั้งนี้เรามีแผนที่จะขยายสาขาการให้บริการเพิ่มขึ้นเพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้าในอนาคตอีกด้วย ได้แก่ สาขาที่หัวหิน บริเวณโรงแรมฮิลตัน หัวหิน รีสอร์ทแอนด์สปา จากที่เดิมเราเปิดสาขาแรกบริเวณตลาดหัวหิน ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าดีมาก

“สำหรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจซื้อ ขาย เช่า นับจากนี้ เราจะขยายกลุ่มสินค้าให้ครอบคลุมสินค้าทุกประเภทเพิ่มมากยิ่งขึ้น หลังจากที่เราประสบความสำเร็จกับสินค้าประเภทคอนโดมิเนียมในเมืองแล้ว ในอนาคตต่อไป เราจะเริ่มรุกไปที่สินค้าประเภท บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ ให้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการให้บริการซื้อ ขาย ให้เช่า กับกลุ่มคนนอก ที่ไม่ใช่ในเครือแสนสิริอีกด้วย นอกจากนี้เรายังได้ปรับปรุงเว็บไซต์ที่เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการทำการตลาด โดยมีการปรับปรุงใหม่ให้มีความสวยงาม ทันสมัย และง่ายต่อการค้นหา ซึ่งได้เปลี่ยนชื่อเว็บไซต์จาก www.thaipropertyplus.co.th เป็น www.plus.co.th เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ซึ่งคาดว่าจะมีลูกค้าสนใจเข้ามาดูสินทรัพย์เพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน ทั้งนี้ในส่วนของการให้บริการ ซื้อ ขาย ให้เช่า ตั้งเป้าเป็นผู้ให้บริการซื้อ ขาย ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ระดับแนวหน้าของประเทศไทย ที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ในเรื่องของศักยภาพของสินทรัพย์ และความสามารถในการปิดดีล อีกทั้งเป็นผู้ประกอบที่มีความน่าเชื่อถืออีกด้วย” นายอนุกูลกล่าวเสริม

นายมนเธียร สร้อยสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทัช พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวถึงทิศทางการดำเนินงานของทัชว่า ทัช จะดำเนินธุรกิจการให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ครอบคลุมทุกความต้องการ ประกอบด้วย 4 ธุรกิจหลักได้แก่ บริการด้านบริหารจัดการโครงการ, บริการด้านบริหารงานขายโครงการ, บริการด้านตรวจสอบอาคาร และบริการให้คำปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยจะมุ้นเน้นการให้บริการด้านการบริหารจัดการโครงการเป็นหลัก ทั้งนี้ได้เล็งเห็นถึงช่องทางในตลาด ที่ปัจจุบันยังคงมีอาคารที่สร้างเสร็จและบริหารจัดการโครงการโดยผู้ประกอบการมืออาชีพเพียง 30 % ส่วน 70 % ที่เหลือยังคงบริหารจัดการโครงการโดยตัวเจ้าของโครงการเอง ดังนั้นจึงเป็นโอกาสดีที่เราจะเข้าไปรับบริหารจัดการโครงการนั้นๆ เพราะเรามีทีมงานที่เชี่ยวชาญในด้านนี้เป็นอย่างดี อีกทั้งมีประสบการณ์จากการบริหารจัดการโครงการภายใต้ชื่อบริษัทพลัส มาแล้วกว่า 10 ปีนั้นเอง เห็นได้จากปัจจุบันเราได้การยอมรับจากเจ้าของตึกทั้งราชการและเอกชนถึง 157 โครงการทั่วกรุงเทพมหานคร ในการให้เราบริหารจัดการโครงการให้ ซึ่งนับว่ามีโครงการที่ดูแลมากที่สุด ในประเทศไทย ดังนั้นเราจึงมุ่งมั่นที่จะพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการอาคาร และช่วยลดต้นทุกเรื่องค่าใช้จ่ายให้กับเจ้าของโครงการอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นเรายังได้คลอดบริการใหม่ ที่ช่วยตอบสนองความต้องการด้านที่อยู่อาศัยให้กับผู้ใช้งานในอาคาร หรือโครงการที่รับบริหารอีกด้วย ซึ่งแบ่งเป็น 2 บริการหลัก ได้แก่ บริการ Touch Direct บริการจัดจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน อุปกรณ์ตกแต่งบ้านทุกชนิด และบริการล้างเครื่องปรับอากาศ ซึ่งถือเป็นบริการใหม่ที่ช่วยให้ลูกค้าลดค่าใช้จ่ายลง กล่าวคือลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้ในราคาที่ถูกกว่าราคาทั่วไป เนื่องจากบริษัทฯ สั่งซื้อสินค้าในปริมาณที่เยอะ ทำให้ได้ราคาต่อชิ้นที่ต่ำลง อีกหนึ่งบริการได้แก่ บริการ Concierges บริการเสริม ที่เป็นเสมือนผู้ช่วยส่วนตัวที่มาช่วยเติมเต็มการใช้ชีวิตให้สมบูรณ์แบบ ทั้งในเรื่องของการจ่ายค่าสาธารณูปโภคต่างๆ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ รวมไปถึงบริการซัก อบ รีด บริการล้างรถ บริการจองตั๋วเครื่องบิน บริการสั่งดอกไม้ และอื่นๆอีกมากมาย ที่จะช่วยให้การอยู่อาศัยเป็นไปได้ง่ายยิ่งขึ้นนั้นเอง

“ในส่วนบริการอื่นๆ เรายังคงดำเนินงานต่อไปอย่างต่อเนื่อง สำหรับธุรกิจการบริหารงานขาย (Sale Management) ปัจจุบันมีโครงการที่รับบริหารงานขายมาแล้วทั้งสิ้น 30 โครงการ นอกจากในพื้นที่กรุงเทพแล้วเรายังได้ขยายบริการครอบคลุมไปยังต่างจังหวัดอีกด้วย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด อีกทั้งเราได้เล็งเห็นถึงช่องทางการตลาดในต่างจังหวัด ที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประกอบการรายเล็ก ซึ่งยังคงต้องการมืออาชีพเข้าไปช่วยงานด้านการตลาดและการขายอยู่ โดยปัจจุบันเรามีโครงการที่รับบริหารงานขายทั้งหมด 9 โครงการ แบ่งเป็นกรุงเทพ 3 โครงการ หัวหิน 3 โครงการ ภูเก็ต 2 โครงการ และพัทยา 1 โครงการ ทั้งนี้มองว่าเรามีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดสูง เพราะว่าทีมขายของเราเป็นทีมที่ได้รับการอบรม และผ่านงานด้านการคิดวิเคราะห์มาเป็นอย่างดี สามารถให้คำแนะนำกับลูกค้าได้เหมือนเพื่อนคู่คิดทางธุรกิจของลูกค้า สำหรับปีหน้าตั้งเป้ารับบริหารงานขายใหม่อีกประมาณ 5 โครงการ ทั้งนี้คาดว่าธุรกิจการให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์จะสามารถเติบโตได้อีกต่อไปในอนาคตอย่างแน่นอน อีกทั้งยังสามารถช่วยเสริมความครบวงจรให้กับการดำเนินธุรกิจของกลุ่มแสนสิริอีกด้วย” นายมนเธียรกล่าวปิดท้าย