พิสูจน์แล้ว แคนนอน Network Camera

บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด เชิญท้าพิสูจน์อีกครั้งกับสุดยอดเทคโนโลยีกล้องระบบเน็ตเวิร์คที่ครอบคลุมทั้งการบริหารงาน สามารถตรวจสอบทุกความเคลื่อนไหวได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม และใช้งานง่ายเพียงปลายนิ้ว นอกจากเรื่องการรักษาความปลอดภัยที่ถือเป็นหัวใจหลักของกล้องแล้ว กล้องระบบเน็ตเวิร์คจากแคนนอนยังผสมผสานเข้ากับความก้าวหน้าด้านเน็ตเวิร์ค เพื่อประสิทธิภาพในการถ่ายทอด สัญญานภาพผ่านระบบ Intranet และ Internet ทั้งการถ่ายทอดภาพเว็บ จึงทำให้มั่นใจได้ว่ากล้อง Network Camera จากแคนนอนจะสามารถดูแลธุรกิจของคุณได้อย่างง่ายดาย

นายวรินทร์ ตันติพงศ์พาณิช ผู้อำนวยการอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป ส่วนงานคอนซูมเมอร์ อิมเมจจิ้ง แอนด์ อินฟอร์เมชั่น บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “กล้องระบบเน็ตเวิร์คจากแคนนอนเปรียบเสมือนเป็นเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อโลกธุรกิจ เหมาะสำหรับผู้ประกอบการ นักธุรกิจรวมถึงผู้บริหารที่ต้องแข่งกับเวลา หรือต้องเดินทางไปตามที่ต่างๆ ตลอดเวลา กล้องเน็ตเวิร์คนี้ได้รวบรวมความสามารถในการบริหารไว้ในกล้องเดียว ไม่ว่าจะเป็นการตรวจเช็คสถานการณ์ การสื่อสารกับพนักงาน หรือการดูแลความปลอดภัยของสถานที่นั้นๆ โดยตลาดกล้องระบบเน็ตเวิร์คในปัจจุบันมีศักยภาพมากขึ้น ทั้งนี้เป็นเพราะผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆ เริ่มตระหนักถึงความสำคัญของสินค้าระบบรักษาความปลอดภัยกันมากขึ้น จึงทำให้ตลาดเติบโตสวนกระแสกับภาวะเศรษฐกิจในยุคขาลงได้ จึงถือเป็นโอกาสอันดีของแคนนอนที่จะกลายเป็นคู่คิดด้านธุรกิจได้ ในครึ่งปีหลังนี้แคนนอนจึงได้ออกไลน์กล้องระบบเน็ตเวิร์ค ถึง 5 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ รุ่นVB-C50i/iR / รุ่นVB-C500VD รุ่นVB-C50Fsi / รุ่นVB-C300 และ รุ่นVB-C60”

“กล้องเน็ตเวิร์คของแคนนอนทั้ง 5 รุ่นนี้ มีจุดเด่นอยู่ที่ เลนส์ ของ Canon เพราะแคนนอนเองเป็นผู้นำด้านการผลิตกล้องถ่ายรูปคุณภาพสูง เลนส์จึงเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของเรา และเลนส์ที่ใช้ในกล้องเน็ตเวิร์คของแคนนอนก็เป็นแบบเดียวกันกับที่ใช้ในกล้องถ่ายรูป จึงทำให้มั่นใจได้ว่าภาพที่ได้ จะมีความคมชัดสมจริง นอกจากนี้ อัตราการซูมของกล้องแคนนอน ก็เป็นอีกหนึ่งข้อได้เปรียบ เพราะสามารถควบคุม เฝ้าสังเกตสถานที่ได้มากกว่า และให้ภาพที่ชัดเจนไม่ผิดเพี้ยน โดยรุ่น VB-C60 ซูมได้มากถึง 40 เท่า จุดเด่นอีกประการคือ ความสามารถในการเชื่อมต่อระบบ Network ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับ Internet หรือ สาย LAN เข้ากับคอมพิวเตอร์ได้อย่างง่ายดาย และสำหรับบางรุ่นยังสามารถดูผ่าน Web Java Script ได้เลย เพียงแค่ Log in เข้ามา ก็สามารถตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นผ่าน Network ได้ตลอดเวลา และด้วย Network Video Solution Software จะทำให้เจ้าของธุรกิจสามารถเลือกดูภาพจากกล้องได้ถึง 64 ตัวได้พร้อมๆ กัน นอกจากนี้ฟังก์ชั่น การบันทึกเวลา จะทำให้ผู้ประกอบการไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นกับกิจการของตนอีกด้วย” คุณวรินทร์กล่าวเสริม

การท้าพิสูจน์ประสิทธิภาพของกล้องระบบเน็ตเวิร์คของแคนนอนในครั้งนี้ มี หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย เจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ Ice Monster เป็นผู้ที่ได้พิสูจน์กล้องระบบเน็ตเวิร์คจากแคนนอน และได้มาร่วมแบ่งปันเคล็ดลับในการบริหาร ดูแลร้าน Ice Monster ให้ประสบความสำเร็จ

เคล็ดไม่ลับในการดูแลร้าน: มีแคนนอนคอยเป็นตา ต่อให้เปิดเพิ่มอีกกี่ร้อยสาขา…หนุ่ม กรรชัย ก็ไม่ถอย
“การเป็นเจ้าของธุรกิจ ต้องเน้นเรื่องการ Monitor การทำงาน และสถานการณ์ต่างๆของทุกสาขาของผม และสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ทันท่วงที ผมก็ได้ เน็ตเวิร์ค คาเมร่าของแคนนอน มาช่วย อย่างรุ่น VB-C50FSi ด้วยความสามารถซูมแบบออปติคอลได้ถึง 26 เท่า ผมติดเอาไว้ตรงเคาน์เตอร์แคชเชียร์ เพื่อเข้าไปเช็คสถานการณ์ในการทำงานของร้านและพนักงานในร้าน อย่างเมื่อเวลาผมปิดร้านไปแล้ว ก็ยังสามารถตั้งโหมด Motion Detection ไว้ได้ หากว่ามีสิ่งผิดปกติอะไรเคลื่อนไหวในร้าน กล้องตัวนี้ก็จะบันทึกภาพเก็บไว้ทันทีเลย เพราะว่ามีแสงอินฟาเรดเอาไว้ถ่ายไนท์โหมดเอาไว้อยู่แล้ว”

ไม่ว่าจะถ่ายละครอยู่ไกลแค่ไหน ก็รู้ความเคลื่อนไหว และจัดการกับปัญหาภายในร้านได้อย่างทันท่วงที

“และรุ่น VB-C300 ตัวนี้นี่จะได้ภาพมุมกว้างกว่ากล้องตัวอื่นๆ เพราะมี Wide Angle Lane ที่เป็นมุมกว้างถึง 70 องศา แต่ถ้าเป็นกล้องตัวอื่นๆ โดยทั่วไปจะได้มุมกว้างเพียง 42 องศาเท่านั้น ตัวนี้สามารถติดตั้งได้ในที่แคบๆ หรือระยะใกล้ๆ ได้ แต่ได้ภาพในมุมกว้างที่ครอบคลุมมากกว่า เหมาะกับร้านที่มีขนาดไม่ใหญ่ เพราะไม่มีปัญาเรื่องมุมมองในการติดตั้งกล้องด้วย กล้องตัวนี้เนี่ยมากับเลนส์ออโต้โปรแกรม สามารถแพนกล้องดูร้านได้ถึง 340 องศา แต่ด้วยเลนส์ไวด์จึงทำให้เห็นภาพถึง 360 องศาเลย พอตกเย็น ร้านเริ่มมืดตัวกล้องก็จะปรับสู่ไนท์โหมดให้อัตโนมัติเช่นเดียวกัน ส่วนเรื่องคุณภาพความคมชัดของภาพเนี่ย เรียกได้ว่าคมชัดมากๆ แม้ว่าจะมีการเคลื่อนไหว หรือในสภาพที่มีแสงน้อยก็ตาม และที่สำคัญที่สุดผมสามารถควบคุมและดูแลผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะไปกองถ่าย หรือทำงานอยู่ที่ไหนก็สามารถดูได้ และที่เจ๋งไปกว่านั้นก็คือสามารถต่อกับไมโครโฟนได้ โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมอะไรเลย ทำให้ผมสามารถส่งเสียงกลับไปที่ร้านได้ ซึ่งพนักงานเองก็สามารถส่งเสียงกลับมาได้เลยเหมือนกัน จึงทำให้การบริหารงานผ่านกล้องเนทเวิร์ค คาเมร่าของผม สมบูรณ์แบบกว่าการมองภาพ เช่น ถ้าผมเห็นอะไรผิดปกติในร้าน ผมก็สามารถบอกพนักงานได้เดี๋ยวนั้นเลย แค่นี้ผมก็สามารถดูแลร้านทุกสาขาได้อย่างทั่วถึง”