บสท. แสดงความพร้อมยุบเลิกตามกฎหมาย มิ.ย. 2554

บสท. แสดงความพร้อมยุบเลิกตามกฎหมาย มิ.ย. 2554 เตรียมขายสินทรัพย์คงเหลือให้ SAM และ BAM พร้อมโชว์ผลงานปี 2552 โดดเด่น ทำรายได้จากการจัดเก็บเงินตามแผนปรับโครงสร้างหนี้และขาย NPA รวม 27,500 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 155.89 ของเป้าหมาย ปลื้มผลงาน 8 ปีที่ผ่านมา ช่วยลูกหนี้กลับสู่ระบบเศรษฐกิจ กว่า 3,550 ราย และสามารถขาย NPA รวมกว่า 51,662 ล้านบาท ให้เอกชนนำไปต่อยอดธุรกิจสร้างมูลค่าเพิ่มต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศหลายแสนล้านบาท 16 เดือนที่เหลือก่อนยุบเลิก เร่งเครื่องเดินหน้าเชิงรุก ตั้งเป้ารายได้รวม 32,650 ล้านบาท มุ่งเน้นติดตามให้คำปรึกษาลูกหนี้อย่างใกล้ชิด พร้อมจับมือแบงก์รัฐรีไฟแนนซ์ลูกหนี้กลับเข้าระบบ คิดส่วนลดภาระหนี้อัตราพิเศษ และงัดกลยุทธ์ระบาย NPA ราคาพิเศษ พร้อมกับเดินสาย Road Show อย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ

นางจุไรรัตน์ ปันยารชุน กรรมการผู้จัดการ บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานปี 2552 ที่ผ่านมาว่า บสท. มีรายได้รวมจากการบริหารงานทั้งสิ้น 27,499 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 155.89 ของเป้าหมาย แบ่งเป็นรายรับจากการปรับโครงสร้างหนี้จำนวน 16,309 ล้านบาท และรายรับจากการจำหน่ายทรัพย์สินรอการขาย (NPA) อีกจำนวน 11,190 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 140 และร้อยละ 186 ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ตามลำดับ ซึ่งในปี 2552 เราได้นำเงินรับที่ได้จากการบริหารงานไปไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน 21,690 ล้านบาท ทำให้ ณ สิ้นปี 2552 สามารถลดภาระหนี้สาธารณะของประเทศและจากการค้ำประกันตั๋วสัญญาใช้เงินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ด้วยการไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินในส่วนของเงินต้นแล้วจำนวน 161,261 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 65.07 ของมูลค่าตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกทั้งหมด 247,844 ล้านบาท และได้ชำระดอกเบี้ยจ่ายของตั๋วสัญญาใช้เงินอีกจำนวน 20,349 ล้านบาท เพียงวันที่ 31 ธันวาคม 2552 คงเหลือตั๋วสัญญาใช้เงินในส่วนของเงินต้นจำนวน 86,583 ล้านบาท ในขณะที่มียอดสินทรัพย์คงเหลือจำนวน 172,173 ล้านบาท ประกอบด้วยเงินชำระตามแผนการปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน 49,921 ล้านบาท มูลค่าทรัพย์สินระหว่างบังคับหลักประกัน จำนวน 30,678 ล้านบาท และทรัพย์สินรอการขาย จำนวน 91,574 ล้านบาท นอกจากนี้ 8 ปี ที่ผ่านมา บสท. ส่งผ่านลูกหนี้ที่สุจริตและมีศักยภาพกลับสู่ระบบสถาบันการเงินตามปกติ ได้ทั้งสิ้นจำนวน 3,555 ราย คิดเป็นมูลค่าทางบัญชี 122,816 ล้านบาท

“ ผลการดำเนินงานปีที่ผ่านมาอยู่ในระดับที่ดีมาก แม้ว่าจะมีปัจจัยลบทางเศรษฐกิจและการเมืองอยู่บ้างก็ตาม แต่เราก็ปรับกลยุทธ์โดยเน้นกิจกรรมเชิงรุกมากขึ้น โดยในส่วนของการจัดเก็บหนี้ได้แบ่งพอร์ตให้เจ้าหน้าที่กำกับดูแล ติดตามอย่างใกล้ชิด พร้อมให้คำปรึกษาเมื่อมีสัญญาณบ่งชี้ว่าลูกหนี้อาจมีเหตุขัดข้องไม่สามารถปฏิบัติตามแผนปรับโครงสร้างหนี้ได้ ส่วนการจำหน่าย NPA มีการวางกลยุทธ์ทางด้านการตลาด และประชาสัมพันธ์ในวงกว้างเพื่อให้สาธารณชนรับรู้ว่า บสท. เป็นแหล่งทรัพย์สินรอการขายที่ “ ครบ คุ้ม ทุกทำเล ” รวมทั้งจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องทั้งในกรุงเทพและภูมิภาคตลอดปี ส่งผลให้การดำเนินงานบรรลุผลสำเร็จเกินเป้าหมาย ” นางจุไรรัตน์ กล่าวเพิ่มเติม

นางจุไรรัตน์ กล่าวว่า เนื่องจาก บสท. เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่จัดตั้งขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้เสียของระบบ มีอายุกำหนดเพียง 10 ปี และจะต้องยุบเลิกตาม มาตรา 95 แห่ง พ.ร.ก. บสท. พ.ศ. 2544 ที่บัญญัติว่า “เมื่อครบเจ็ดปีนับแต่วันที่ พ.ร.ก นี้ใช้บังคับให้ บสท. เตรียมการเพื่อเลิกดำเนินกิจการให้ยุบเลิก บสท. เมื่อสิ้นปีที่สิบ และชำระบัญชีให้แล้วเสร็จในเวลาไม่ช้ากว่าปีที่สิบสองนับแต่วันที่ พ.ร.ก นี้ใช้บังคับ” ซึ่ง บสท.จะมีอายุครบ 10 ปี ในวันที่ 8 มิถุนายน 2554 ดังนั้น ระยะเวลาที่เหลืออีกเพียง 16 เดือนนี้ จึงถือว่าเป็นโค้งสุดท้ายที่สำคัญและเป็นภารกิจที่ท้าทายอย่างยิ่ง เพราะนอกเหนือจากภารกิจปกติที่จะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องแล้ว เรายังต้องดำเนินภารกิจเพื่อการยุบเลิกตามกฎหมายอีกด้วย

นางจุไรรัตน์ กล่าวถึง แผนยุทธศาสตร์สำหรับช่วงเวลา 16 เดือนที่เหลือว่า บสท. จะดำเนินนโยบายเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ารายได้รวมทั้งสิ้น 32,650 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการจัดเก็บหนี้ จำนวน 22,550 ล้านบาท ซึ่งนอกจากจะใช้กลยุทธ์ในการกำกับดูแล ติดตามการปฏิบัติตามแผนปรับโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ที่เข้มข้นกว่าปี 52 อาทิ การแบ่งพอร์ตลูกหนี้ในขนาดที่เหมาะสมเพื่อให้สามารถกำกับดูแลและติดตามได้อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ลูกหนี้รายใหญ่ประมาณ 50 บัญชีต่อคน การให้คำแนะนำและเป็นที่ปรึกษาทางการเงินอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งออกเยี่ยมเยียนพบปะลูกหนี้ ในกรณีที่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าลูกหนี้อาจประสบปัญหาแล้ว บสท. ยังได้ประสานความร่วมมือกับสถาบันการเงินของรัฐให้รับรีไฟแนนซ์ลูกหนี้ที่มีศักยภาพ มีประวัติการชำระหนี้ดี เพื่อเป็นการส่งต่อลูกหนี้ที่ดีคืนสู่ระบบเศรษฐกิจ โดยคิดส่วนลดภาระหนี้อัตราพิเศษ และรายได้จากการจำหน่ายทรัพย์สินรอการขาย อีกจำนวน 10,100 ล้านบาท โดยใช้กลยุทธ์ส่งเสริมกิจกรรมการขายทุกรูปแบบเพื่อกระตุ้นยอดขาย จัดทีมบริหารการขายเฉพาะทรัพย์แต่ละประเภท รวมทั้งวางแผนการขายแบบเฉพาะเจาะจง ด้วยการจัดงานมหกรรมคัดทรัพย์สินที่มีศักยภาพเสนอขายแก่นักลงทุนในราคาพิเศษ และสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานของรัฐและเอกชน เพื่อนำทรัพย์ไปใช้ประโยชน์ หรือสร้างความร่วมมือในเชิงพันธมิตรธุรกิจ นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าหมายเชิงรุกเดินสาย Road Show ต่างจังหวัดให้ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ จากที่ผ่านมาได้ Road Show ไปแล้ว 54 จังหวัด

ในส่วนของภารกิจเพื่อการยุบเลิกตามกฎหมาย บสท.ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2551 โดยได้จัดทำแผนงานเตรียมการเลิกดำเนินกิจการยุบเลิก และนำเสนอกระทรวงการคลังในฐานะหน่วยงานกำกับดูแล บสท. เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2551 นอกจากนี้ ได้จัดประชุมสถาบันผู้โอนทั้ง 23 แห่ง ซึ่งเป็นกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียในการร่วมรับผิดชอบผลกำไร/ขาดทุนที่จะเกิดขึ้นจากการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ของ บสท. เพื่อขอความเห็นเกี่ยวกับแนวทางในการบริหารจัดการสินทรัพย์คงเหลือ ซึ่งสถาบันการเงินผู้โอนส่วนใหญ่มีความเห็นให้ขายสินทรัพย์คงเหลือของ บสท. ให้กับ บริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ (บสก.) และบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (บสส.) โดยให้สิทธิ First Right กับสถาบันผู้โอนเดิม ซึ่งขณะนี้ บสท. อยู่ระหว่างนำเสนอความเห็นของสถาบันการเงินผู้โอนต่อกระทรวงการคลัง หลังจากที่กระทรวงการคลังให้ความเห็นชอบ บสท. จะเริ่มจัดกองประมูลขายสินทรัพย์ประเภทลูกหนี้รวมกับสิทธิเรียกร้อง และ NPA ต่อไป คาดว่าน่าจะเป็นประมาณไตรมาสที่ 3 ของปี 2553 นี้