ดีแทคเผยผลประกอบการไตรมาส 4/52 ดีเกินคาด

8 กุมภาพันธ์ 2553 – บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) เผยผลประกอบการไตรมาส 4/52 รายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ร้อยละ 3.8 และสูงกว่าไตรมาสเดียวกัน (YoY) ของปี 51 ร้อยละ 3.0หรือเป็นจำนวนเงิน 1.66 หมื่นล้านบาท อัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.8 จากไตรมาส 3 (QoQ) และเพิ่มขึ้นร้อยละ 24.5  จากปีก่อนหน้า (YoY) เป็น 5.6 พันล้านบาท กำไรสุทธิเท่ากับ 2.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.1 จากไตรมาส 3 (QoQ)และเพิ่มขึ้นร้อยละ 73.6 จากช่วงเวลาเดียกันของปีก่อน (YoY) นอกจากนี้ดีแทคยังทำสถิติสร้างกระแสเงินสดสูงสุดถึง 1.43 หมื่นล้านบาท เกินกว่าเป้าหมายที่เคยตั้งไว้ 1.3 พันล้านบาท ฐานลูกค้าล่าสุดอยู่ที่ 19.7 ล้านเลขหมาย
 
รายได้จากการให้บริการตลอดปี รวมค่า IC เท่ากับ 6.47 หมื่นล้านบาท ลดลงร้อยละ2.9 (YoY) ขณะที่กำไรสุทธิที่ไม่รวมการบันทึกรายได้แบบ One-time Settlement จากDPC ลดลงร้อยละ 11.5 หรือเท่ากับ 6.6 พันล้านบาท สืบเนื่องมาจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองเป็นหลัก อีกทั้งจากการที่ตลาดมือถือใกล้ถึงจุดอิ่มตัว ส่งผลให้ตลาดรวมเติบโตลดลงด้วย
 
นายทอเร่ จอห์นเซ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีแทค กล่าวว่าปี 2552 เป็นปีแห่งความท้าทายของผู้ให้บริการทุกราย ดังนั้นดีแทคจึงเน้นนโยบายบริหารค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมกับรักษาฐานลูกค้าคุณภาพ แม้ปีที่ผ่านมาจะมีความท้าทายจากหลาย ๆ ปัจจัย ทั้งจากตัวเลข GDP ที่ต่ำลง จำนวนที่ลดลงของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศ  รวมถึงระดับความเชี่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลง แต่ดีแทคมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง โดยหลังจากประกาศผลประกอบการของไตรมาส 3/2552 ดีแทคได้ปรับเป้ากระแสเงินสดของปี 2552 ใหม่เป็น 1.3 หมื่นล้านบาท จากที่เคยตั้งไว้เมื่อต้นปีที่ 1.2 หมื่นล้านบาท และตลอดทั้งปี 2552 ดีแทคสามารถสร้างกระแสเงินสดได้สูงเป็นประวัติการณ์ที่ 1.43 หมื่นล้านบาท
 
“ผลการดำเนินงานที่ประสพผลสำเร็จเกินเป้าหมายแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของประเทศเริ่มมีการปรับตัวในทางที่ดีขึ้น และเราเชื่อว่าการเติบโตของรายได้จากการให้บริการของทั้งอุตสาหกรรมในปี 2552 จะสอดคล้องกับการขยายตัวของ GDP โดยมีการคาดการณ์ว่า GDP จะปรับตัวขึ้นร้อยละ 3-5 ในปีนี้” นายทอเร่กล่าว
 
สำหรับทิศทางของดีแทคในปี 2553 นี้ จะยังคงมุ่งที่การรักษาฐานลูกค้าคุณภาพ เดินตามแนวทาง Micro Segmentation และการบริหารควบคุมค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ดีแทคจะให้ความสำคัญกับการทำตลาดสมาร์ทโฟน ซึ่งรวมถึงการสร้างรายได้จากบริการเสริม สำหรับการพัฒนาบริการ 3G ดีแทคจะยังคงมองหาแนวทางในการนำคลื่นความถี่850MHz มาใช้อย่างคุ้มค่าที่สุดระหว่างที่ยังไม่มีการออกใบอนุญาต 3G บนความถี่2.1GHz
 
ดีแทคตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมในปี 2553 อยู่ที่ตัวเลขหลักเดียวในช่วงสูง ซึ่งรวมถึงรายได้จากการจำหน่ายโทรศัพท์มือถือและสมาร์ทโฟนด้วย ทั้งนี้คาดการณ์ว่าทั้งอุตสาหกรรมจะมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นสุทธิ 3-4 ล้านเลขหมาย โดยดีแทคจะรักษาส่วนแบ่งการตลาดที่มีอย่างต่อเนื่อง แต่จะให้ความสำคัญต่อคุณภาพของลูกค้ามากกว่า พร้อมกันนั้นยังตั้งเป้าหมายกระแสเงินสดตลอดปี 2553 อยู่ที่ระดับ 1.6 หมื่นล้านบาท ผ่านการเพิ่มขึ้นของรายได้และการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง.