ภาครัฐ-เอกชนผนึกกำลังดันส่งออกสินค้าแฟชั่นไทยปี 53 โตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 9

กรุงเทพฯ – 12 กุมภาพันธ์ 2553 – กรมส่งเสริมการส่งออกคาดมูลค่าส่งออกสินค้าแฟชั่นไทยในปี 2553 ทะลุ 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 9-13 ภาครัฐและเอกชนผนึกพลังกระตุ้นขีดความสามารถในการแข่งขันให้อุตสาหกรรมแฟชั่นไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมก้าวเป็นศูนย์กลางแฟชั่นและเครื่องหนังแห่งอาเซียน

นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “ในปี 2552 การส่งออกสินค้าแฟชั่นไทย ได้แก่ สินค้าสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้เดินทาง เครื่องหนังและรองเท้า อัญมณีและเครื่องประดับ มีมูลค่ารวม 17,628 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2551 เพียงร้อยละ 2.24 โดยกลุ่มสินค้าสิ่งทอมีมูลค่ารวม 6,443 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือขยายตัวลดลงร้อยละ 10.5 กลุ่มเครื่องนุ่งห่ม 2,961 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือขยายตัวลดลงร้อยละ 15.53 ส่วนสินค้าเครื่องหนัง เครื่องใช้ในการเดินทาง และรองเท้า มีมูลค่ารวม 1,422 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือขยายตัวลดลงร้อยละ 19.7 ขณะที่สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับมีมูลค่า 9,761 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเติบโตขึ้นร้อยละ 18”

แม้ว่าอัตราการขยายตัวของมูลค่าส่งออกในปี 2552 จะชะลอตัวเนื่องจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและกำลังซื้อที่ถดถอยในประเทศผู้นำเข้ารายใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น แต่ในปี 2553 ประเมินกันว่าการส่งออกสินค้าแฟชั่นของไทยมีแนวโน้มขยายตัวสูง เนื่องจากเห็นสัญญาณฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก โดยตั้งเป้าหมายการส่งออกสินค้าแฟชั่นโดยรวมไว้ที่ 20,315 – 20,999 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 9 -13 แบ่งเป็นสินค้าสิ่งทอ 7,058 – 7,205 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 – 12 เครื่องนุ่งห่ม 3,238 – 3,386 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10-15 ผ้าผืนและเส้นด้าย 3,819.88 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 สินค้าเครื่องหนัง 1,429 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.98 ส่วนสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ 11,826 – 12,364 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10-15

“ภาครัฐและสมาคมอุตสาหกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้หารือเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ภายใต้วิสัยทัศน์ที่จะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางและผู้นำสินค้าแฟชั่น สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม อัญมณีและเครื่องประดับ และเครื่องหนังในภูมิภาคอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านกิจกรรมหลากหลาย โดยเฉพาะงานแสดงสินค้าแฟชั่นและงานแสดงสินค้าเครื่องหนัง (BIFF&BIL) ซึ่งจัดเป็นประจำทุกปี”

กลยุทธ์หลักในการส่งเสริมอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ก็คือ ยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์โดยเน้นการผลิตสิ่งทอมูลค่าสูง เช่น สิ่งทอประเภท functional/technical textile และสิ่งทอที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปรับปรุงประสิทธิภาพการกระจายสินค้า ส่งเสริมการเชื่อมโยงระหว่างอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มสัดส่วนการใช้วัตถุดิบในประเทศ (local content) และการรวมกลุ่มเป็นคลัสเตอร์ ส่งเสริมอุตสาหกรรมสนับสนุน เช่น ฟอกย้อม วัสดุตกแต่งสำเร็จ และโลจิสติกส์ เป็นต้น รวมทั้งพัฒนาบุคลากร โดยจัดตั้ง Thailand Designer Club และ Asian Designer Club เพื่อพัฒนาขีดความสามารถของนักออกแบบไทยสู่เวทีระดับโลก

ส่วนกลยุทธ์สำหรับกลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับ คือ สร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อประโยชน์ในพัฒนาแหล่งวัตถุดิบใหม่ๆ พัฒนาฝีมือแรงงานโดยจัดตั้งสถาบันการศึกษาเฉพาะด้านอัญมณีและเครื่องประดับเพิ่มเติม และการผลักดันให้สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติให้เป็นศูนย์กลางออกใบรับรองมาตรฐานของภูมิภาคเอเชียและมาตรฐานสมาพันธ์อัญมณีโลก (EIBJO) จัดตั้งสถาบันการเงินเฉพาะกิจอัญมณีและเครื่องประดับ (Gems Bank) เป็นต้น ขณะที่กลยุทธ์สำหรับสินค้าแฟชั่นเครื่องหนังจะพยายามผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Thailand’s Leather Goods: Italy of the East โดยให้ความสำคัญด้านการวิจัยและพัฒนา ส่งเสริมการสร้างตราสินค้าไทย เป็นต้น

“นอกจากนี้ คณะทำงานยังได้เร่งศึกษาการใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่เกี่ยวข้อง เช่น AFTA, FTA อาเซียน-จีน, FTA ไทย-อินเดีย, FTA อาเซียน-อินเดีย, FTA อาเซียน-ญี่ปุ่น และ FTA อาเซียน-เกาหลีใต้ รวมถึงข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) เป็นต้น พร้อมปรับปรุงกฎระเบียบและลดอุปสรรคทางการค้า เพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออกไปยังตลาดที่มีโอกาสสดใส โดยเฉพาะญี่ปุ่น ซึ่งหนุนให้ไทยเป็นฐานการผลิตสิ่งทอของอาเซียน” นางศรีรัตน์ กล่าว

“ในส่วนของงาน BIFF & BIL 2010 เป็นอีกเวทีหนึ่งที่ช่วยให้ผู้ผลิตที่เข้าร่วมแสดงสินค้าในงานและผู้ซื้อจากตลาดสำคัญๆ อย่าง ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลี จีน ไต้หวัน ตะวันออกกลาง รวมทั้งอเมริกาและยุโรป ได้มีโอกาสแสวงหาความร่วมมือและพัฒนาความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกัน เนื่องจากเป็นงานแสดงสินค้าหนึ่งเดียวที่รวมสินค้า บริการ และวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมทุกสาขาที่เกี่ยวข้องจากผู้ผลิตชั้นนำในอาเซียนไว้
อย่างครบครันที่สุด”

งานในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Look East” เพื่อแสดงถึงศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของอุตสาหกรรมแฟชั่นของอาเซียน ครบครันตั้งแต่อุตสาหกรรมต้นน้ำ กลางน้ำ ไปถึงปลายน้ำ ซึ่งทั้งหมดเป็นผลมาจากการผสานความเชี่ยวชาญเฉพาะของประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศเข้ากับความร่วมมือระดับภูมิภาค หรือ ASEAN INTEGRATION กิจกรรมเด่นในงาน ได้แก่ การประชุม-สัมมนา Asian Designer Congress แฟชั่นโชว์ 48 โชว์ การประกวด Thailand Designer Contest และพื้นที่จัดแสดงพิเศษ อาทิ ASEAN Pavilion, Japan Pavilion เป็นต้น

งาน BIFF & BIL 2010 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 – 4 เมษายน 2553 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.biffandbil.com หรือ www.depthai.go.th