กรุงเทพ โอเอ คอมส์ จับมือซัมซุงเทควินยักษ์ใหญ่อันดับ 3 ของโลก

“กรุงเทพ โอเอ คอมส์” จับมือเซ็นสัญญา “ซัมซุงเทควิน” ยักษ์ใหญ่ผู้นำธุรกิจกล้องวงจรปิดอันดับ 3 ของโลก เป็นตัวแทนแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย หลังจากควบรวมกิจการกับ ซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ ที่ตั้งเป้าขยายฐานธุรกิจและบริการกล้องวงจรปิดรักษาความปลอดภัยทั่วโลกจาก 5.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ภายใน 3 ปี หรือเพิ่มขึ้นราว 30% ในขณะที่ตั้งเป้ายอดขายในประเทศไว้ประมาณ 10% ระบุชัดผลจากความต้องการเพิ่มขึ้น ทั้งจากภาครัฐ และเอกชน ที่ให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัย ความมั่นคง การจราจร และลดปัญหาอาชญากรรมที่มีอย่างต่อเนื่อง
ดร. เดช เฉิดสุวรรณรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงเทพ โอเอ คอมส์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือกลุ่มกรุงเทพธุรภัณฑ์กรุ๊ป ผู้ชำนาญด้านการนำเข้า จัดจำหน่าย และให้บริการด้านอุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงานในประเทศไทยมากว่า 40 ปี ได้ลงนามในสัญญาการแต่งตั้งการเป็นผู้แทนการจัดจำหน่ายอุปกรณ์และกล้องวงจรปิดรักษาความปลอดภัย ให้กับแบรนด์ “ซัมซุง” จากบริษัทซัมซุงเทควิน เพื่อทำตลาดในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียวนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป พร้อมกันนี้ทางบริษัทฯ ได้แต่งตั้งตัวแทนหลักอีก 5 ราย ได้แก่ บริษัท เอส แอนด์ วี คอมมูนิเคชั่น จำกัด, บริษัท ทูเวย์ คอนแทค จำกัด , บริษัทเอวิท คอมมูนิเคชั่น จำกัด , บริษัทเน็กซสตาร์ จำกัด (จังหวัดขอนแก่น) , และบริษัท แปซิฟิก ดิสตริบิวชั่น จำกัด เพื่อร่วมขยายตลาดและการให้บริการทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีแผนการขยายตลาดไปยังห้างสรรพสินค้าชั้นนำ อาทิ โฮมโปร , และ Office Depot ให้บริการแก่ลูกค้าทั่วประเทศด้วย

มร.ฮัน-ซู จูง (Mr. Han-Soo Jung ) ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ซัมซุงเทควิน ซีเคียวริตี้ โซลูชั่น ดิวิชั่น จำกัด ประเทศเกาหลี กล่าวเสริมว่า หลังจากที่บริษัทซัมซุงเทควิน และบริษัทซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ ได้ควบรวมกิจการเกี่ยวกับอุปกรณ์กล้องโทรทัศน์วงจรปิดภายใต้แบรนด์ซัมซุงเข้าด้วยกัน และให้บริษัทซัมซุงเทควิน เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการนับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 เป็นต้นมา ซึ่งการรวมธุรกิจในครั้งนี้ ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ ซัมซุงมีสัดส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็นอันดับ 3 ของโลก และคาดว่าจะทำให้มีอัตราการขยายตัวมากกว่าร้อยละ 30 ด้วย ซึ่งปีที่ผ่านมาซัมซุงมียอดขายกล้องและอุปกรณ์วงจรปิดทั่วโลกราว 57,700 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 79,400 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2556

“ ที่ซัมซุงเทควินเลือกบริษัท กรุงเทพ โอเอ คอมส์ จำกัด เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพ และผู้นำการให้บริการด้านอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยและกล้องรักษาความปลอดภัยที่มีเครือข่ายที่กว้างขวาง และจึงได้เลือกให้เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย และเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า บริษัทกรุงเทพ โอเอ คอมส์ จะช่วยในการขยายตลาดกล้องและอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยของซัมซุงในประเทศไทย ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความสำเร็จในระดับประเทศด้วย” มร.ฮัน-ซู จุง กล่าว

สำหรับอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยประเภทกล้องวงจรปิดของซัมซุงนั้น เป็นกล้องที่มีระบบการควบคุมด้วยชิพ DSP CHIP ที่ผลิตจากโรงงานของซัมซุง ซึ่งเป็นผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ (Semi Conductor) รายใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งมีการพัฒนาชิปให้มีฟังก์ชั่นการทำงานประเภทต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดกล้องวงจรปิด อาทิ ความละเอียดของภาพที่ 650-700 TV Line ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพการทำงานภายใต้ภาวะภาพที่มีแสงต่ำ หรือไม่มีความสว่างเลย , การตรวจวิเคราะห์ภาพด้วยซอฟแวร์ (Video Content Analytical) เป็นต้น ซึ่งจะทำให้อุปกรณ์กล้องซัมซุงมีคุณภาพและประสิทธิภาพสูง ในขณะที่มีราคาที่ประหยัดกว่าสินค้าประเภทเดียวกันภายใต้แบรนด์อื่นๆ นอกจากนี้ ซัมซุงยังมีผลิตภัณฑ์กล้องรักษาความปลอดภัยหลากหลายชนิดให้เลือก อาทิ กล้องแบบปรับหมุน , ส่าย , ซูม หรือกล้องที่มีแสงอินฟาเรดเพื่อตรวจจับภาพในที่มืด เป็นต้น ที่ผ่านมาบริษัทกรุงเทพ โอเอ คอมส์ จำกัด มีการขยายตลาดกล้องวงจรปิดของซัมซุงเป็นจำนวนมาก และรับการตอบรับเป็นอย่างดี จากหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน อาทิ ทางกรุงเทพมหานครมอบหมายให้ติดตั้งกล้องวงจรปิด ตามสี่แยก สะพานลอย ตลาด และชุมชน ในเขตุปทุมวัน , บางรัก , ดอนเมือง กว่า 1,000 จุด นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดให้กับสาขาทั่วประเทศของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) , สาขาทั่วประเทศของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) , สาขาของห้างโลตัสเอ็กซ์เพลส 80 สาขา เป็นต้น

“ ที่ผ่านมา อัตราการขยายตัวของกล้องวงจรปิดและอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยในประเทศไทย มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากความต้องการของภาครัฐ ที่มีความจำเป็นต้องเพิ่มจุดรักษาความปลอดภัยให้กับหน่วยงานราชการ หรือด้านการรักษาความมั่นคงภายใน รวมไปถึงด้านการจัดการและดูแลการจราจร เป็นต้น ในขณะที่ภาคเอกชนเอง ก็มีความตื่นตัวที่จะนำอุปกรณ์โทรทัศน์วงจรปิด มาช่วยในการรักษาความปลอดภัยให้กับอาคารสำนักงาน รวมถึงโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ มากขึ้น เพื่อลดปัญหาด้านอาชญากรรม ซึ่งปีที่ผ่านมาคาดว่าตลาดเกี่ยวกับอุปกรณ์กล้องวงจรปิดและอุปกรณ์รักษาความปลอดภัย มีมูลค่าการตลาดประมาณ 2,500 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าในปีนี้จะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกราวร้อยละ 25-30 ส่วนกล้องโทรทัศน์วงจรปิดของซัมซุงนั้น มีส่วนแบ่งการตลาดในประเทศโดยรวมราว 10% นับเป็นการขยายโอกาสในการดำเนินธุรกิจให้กับบริษัทฯ เติบโตได้มากยิ่งขึ้นด้วย” ดร. เดช กล่าว