บลจ.ไอเอ็นจี คลอดกองทุนเปิด ‘ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10%’

บลจ.ไอเอ็นจี เสนอขาย “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10%” เน้นลงทุนหุ้นพื้นฐานดี และเพิ่มการใช้เทคนิคด้านจับจังหวะการลงทุน ตั้งเป้าหมาย Trigger 10% แล้วเลิกกองทุน ระบุเป็นกองทุนที่กำหนดเป้าหมายผลตอบแทน มั่นใจบริหารแบบ Active จับจังหวะการลงทุนโดยผู้จัดการกองทุนมืออาชีพ สามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้า พร้อมโชว์ผลงานบริหารกองทุนตราสารทุนย้อนหลัง เชื่อนักลงทุนสนใจ หากมีโอกาสเข้าถึงผลตอบแทนตามเป้าหมายในระดับที่น่าพอใจได้ในเวลาไม่นาน จากปัจจัยหนุนเพียบ เสนอขาย IPO ระหว่าง 23 – 31 มีนาคม 2553 จองขั้นต่ำ 1 หมื่นบาท

นายต่อ อินทวิวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจกองทุนและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า บลจ.ไอเอ็นจี เตรียมเสนอขายกองทุนใหม่ ได้แก่ “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10%” ซึ่งเป็นกองทุนตราสารทุน ที่มีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานและผลประกอบการดี และมีแนวโน้มการเติบโตสูง และเน้นการใช้เทคนิคเรื่องการเข้า-ออกตลาดในจังหวะที่เหมาะสม เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนตามเป้าหมาย คือ มูลค่าหน่วยลงทุนสุทธิ (NAV) เพิ่มขึ้นจากราคาเสนอขายครั้งแรกที่ 10 บาท ไปอยู่ที่ 11.20 บาทต่อหน่วย ติดต่อกันเป็นเวลา 5 วันทำการ กองทุนก็จะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติทั้งหมด พร้อมเลิกกองทุน (โดยกองทุนจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนทั้งหมดโดยอัตโนมัติ ภายใน 2 วันทำการ นับจากวันที่มูลค่าหน่วยลงทุนอยู่ที่ระดับ 11.20 บาทหรือมากกว่า เป็นเวลา 5 วันทำการติดต่อกัน โดยจะนำเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุนไปลงทุนในกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แคช แมเนจเม้นท์)

สำหรับปัจจัยที่จะสนับสนุนให้ผลตอบแทนถึงเป้าหมายได้อยู่ภายใต้ปัจจัยสนับสนุนหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการที่เศรษฐกิจไทยได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว และกำลังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประมาณการตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปี 2553 ว่าจะเติบโตกว่า 3% ขณะที่ภาคส่งออกจะขยายตัวมากกว่า 12.5%-15.5% ตามเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวดีขึ้น

ในส่วนของตลาดหุ้นไทยนั้น พบว่าระดับดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ไทยยังอยู่ในระดับที่ไม่แพงเมื่อเทียบกับทั้งดัชนีหลักทรัพย์ในอดีต และเมื่อเทียบกับมูลค่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ภูมิภาค โดยคาดว่าอัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น (พีอี เรโช) ในปี 2553 จะอยู่ที่ 11.1 เท่า ต่ำกว่าพีอี เรโช ของตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค (ไม่นับรวมญี่ปุ่น) ในปีนี้ที่คาดว่า จะอยู่ที่ 13.3 เท่า และคาดว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะเติบโตได้ประมาณ 15% อีกทั้งจากการที่เห็นนักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง และแม้ระดับราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นมาระดับหนึ่ง แต่ยังมีหุ้นหลายกลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังมีโอกาสเติบโตสูงจากผลดีของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย

“เราเชื่อว่าโอกาสที่ราคาหุ้นจะปรับตัวสูงขึ้นมีความเป็นไปได้มาก แม้ว่าในปี 2552 ที่ผ่านมา ดัชนีราคาหุ้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก แต่ก็ยังเป็นระดับที่ต่ำกว่าระดับ 884 จุด ณ เดือนพฤษภาคม 2551 ก่อนเกิดเหตุการณ์วิกฤติทางการเงินมากกว่า 20% และขณะเดียวกันก็เริ่มเห็นนักวิเคราะห์บางสำนักที่เริ่มปรับเพิ่มคาดการณ์ดัชนีไปสูงถึงกว่า 900 จุด” นายต่อกล่าว

ทั้งนี้ บลจ.ไอเอ็นจี เชื่อว่า “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10%” จะตอบสนองความต้องการของนักลงทุนได้เป็นอย่างดี เพราะโอกาสที่ผลตอบแทนจะถึงเป้าหมายที่กำหนดไว้มีความเป็นไปได้สูง ในระยะเวลาไม่นานนัก ภายใต้สภาพแวดล้อมการลงทุนที่เอื้ออำนวย และเมื่อนักลงทุนได้ผลตอบแทนตามที่ต้องการแล้ว ก็สามารถหยุดความเสี่ยงด้วยการออกจากตลาดหุ้นทันทีได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม บลจ.ไอเอ็นจี มั่นใจว่าด้วยการบริหารการลงทุนแบบ Active ซึ่งเป็นการบริหารจัดการด้วยผู้จัดการกองทุนมืออาชีพในลักษณะการวิเคราะห์และคาดการณ์ภาวะตลาดในอนาคต รวมถึงการจับจังหวะการลงทุนที่ถูกต้องเหมาะสม จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ได้อย่างแน่นอน เช่นเดียวกับกองทุนตราสารทุนภายใต้การบริหารจัดการของ บลจ.ไอเอ็นจี ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แวลูพลัส ปันผล หุ้นระยะยาว ที่ให้ผลตอบแทนในปี 2552 สูงถึง 79.83% กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ฟันด์ ให้ผลตอบแทน 75.46% และกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย บรรษัทภิบาล ที่ให้ผลตอบแทน 75.16% ซึ่งเปรียบเทียบกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่ 63.54% (ข้อมูลจาก Morning Star (Thailand))

“กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10%” จะเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ในระหว่างวันที่ 23 – 31 มีนาคม ในราคาหน่วยละ 10 บาท จองซื้อขั้นต่ำ 10,000 บาท

โดยธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนกองทุนนี้ ได้จัดทำโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าธนาคารทหารไทย เมื่อลงทุนในกองทุนทุกๆ 100,000 บาท จะได้รับเงิน Cash Back มูลค่า 500 บาท สูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท เมื่อซื้อผ่านธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขาทั่วประเทศ

สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนใน “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10%” ของ บลจ.ไอเอ็นจี สามารถขอรายละเอียดได้ที่ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) โทร. 02-688-7777 หรือ www.ingfunds.co.th

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต ของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต