คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค โปรเฟสชันแนล ชูวิสัยทัศน์ผู้นำรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค โปรเฟสชันแนล แผนกสินค้าเพื่อธุรกิจสถาบันของคิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค ประกาศวิสัยทัศน์ผู้ผลิต-จำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่ออุตสาหกรรมที่ดำเนินธุรกิจเคียงคู่กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ขยายผลจากรางวัลผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมฉลากเขียวรายแรกในกลุ่มกระดาษอนามัยในประเทศ สู่การชูกลยุทธ์ “ลดการใช้ในวันนี้ เพื่อพรุ่งนี้ที่ดีกว่า” สร้างผลิตภัณฑ์กระดาษอนามัยสำหรับกลุ่มธุรกิจ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ทั้งระบบ 6 ขั้นตอน “การออกแบบผลิตภัณฑ์” “วัตถุดิบ” “อุตสาหกรรมการผลิต” “การขนส่ง” “การใช้งาน” และ “การกำจัดขยะ” พร้อมเดินหน้าดำเนินโครงการคาร์บอนเครดิตขานรับนโยบายภาครัฐภายใน 5 ปี

นางจิราภรณ์ ชัยสมบัติ ผู้อำนวยการและผู้จัดการทั่วไป แผนกสินค้าเพื่อธุรกิจสถาบัน บริษัท คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า “คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค โปรเฟสชันแนล มีจิตสำนึกในการดำเนินธุรกิจการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กระดาษเพื่อกลุ่มธุรกิจควบคู่กับการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนตลอดเวลากว่า 44 ปี โดยได้รับการรับรอง “ฉลากเขียว” จากสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ที่มอบให้กับผลิตภัณฑ์ของคิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์กระดาษอนามัยสำหรับกลุ่มธุรกิจรายแรกในประเทศ เป็นเครื่องยืนยัน”

ทั้งนี้ จากการริเริ่มออกผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้กับลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมในปี 2552 ที่ผ่านมา พบว่าสามารถลดปริมาณการใช้ต้นไม้ได้ถึง 63,085 ตัน ลดการใช้น้ำได้ถึง 98 ล้านลิตร ลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้ถึงกว่า 1.4 ล้านลิตร ประหยัดการใช้ไฟฟ้ากว่า 372 ล้านหลอด ลดการใช้เคมี 70,775 กิโลกรัม อีกทั้งยังลดการปล่อยมลพิษประมาณ 101,319 กิโลกรัม

นางจิราภรณ์ กล่าวต่อไปว่า “ในปีนี้ เรามุ่งขยายผลสู่การดำเนินกลยุทธ์ “ลดการใช้ในวันนี้ เพื่อพรุ่งนี้ที่ดีกว่า” ซึ่งเป็นการต่อยอดโครงการด้านสิ่งแวดล้อมผ่านแนวคิดแบบเบ็ดเสร็จทั้งระบบตลอดวงจรชีวิตของกลุ่มผลิตภัณฑ์กระดาษอุตสาหกรรมทุกชนิดของบริษัทฯ ตั้งแต่ “การออกแบบผลิตภัณฑ์” “คัดสรรวัตถุดิบ” “ขบวนการผลิต” “การขนส่ง” “การใช้งาน” และ “การกำจัดขยะ” ผ่านโครงการ “วงจรผลิตภัณฑ์เพื่อการรักษาทรัพยากรอย่างยั่งยืน” ด้วยงบประมาณกว่า 40 ล้านบาท เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ส่งเสริมด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน”

ด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ มุ่งออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ลดปริมาณการใช้ตลอดทั้งวงจรชีวิต อาทิ การใช้เทคโนโลยี AIRFLEX* ซึ่งใช้เนื้อเยื่อในการผลิตน้อยกว่าเทคโนโลยีทั่วไปถึง 25% แต่ให้การซึมซับที่ดีกว่า หรือ การออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ใช้ส่วนผสมของเยื่อรีไซเคิลในปริมาณที่เหมาะสมในการใช้งาน รวมถึงการออกแบบให้ใช้งานได้นานที่สุด และเหลือขยะน้อยที่สุด

ด้านวัตถุดิบ เน้นการใช้วัตถุดิบและเยื่อไม้อย่างคุ้มค่า มีความรับผิดชอบและยั่งยืน ด้วยการ 1) เลือกใช้ลังขนส่งที่ผลิตจากเยื่อรีไซเคิล 100% 2) ใช้เยื่อบริสุทธิ์จากป่าอุตสาหกรรมที่ได้รับรองด้านสิ่งแวดล้อมมากถึง 90% และปราศจากคลอรีน 3) เลือกใช้สารเคมีที่ได้รับรองว่าจะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ด้านอุตสาหกรรมการผลิต คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค โปรเฟสชันแนลได้ลงทุนเทคโนโลยีใหม่และปรับปรุงขั้นตอนการผลิตเพื่อลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและการปล่อยของเสียจากระบวนการผลิตมาโดยตลอด ได้แก่ 1) น้ำ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค โปรเฟสชันแนล สามารถลดการใช้น้ำต่อการผลิตกระดาษ 1 ตันได้มากกว่า 60% หรือคิดเป็นปริมาณน้ำมากกว่า 1 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี หรือเทียบเท่ากับสระว่ายน้ำโอลิมปิก 400 สระ 2) พลังงาน โดยตั้งแต่ปี 2543 สามารถลดการใช้พลังงานต่อการผลิตกระดาษ 1 ตันได้มากกว่า 20% หรือเท่ากับหลอดฟลูออเรซเซ้นท์ 750 ล้านหลอด 3) ขยะ ในปี 2553 สามารถลดขยะจากการฝังกลบถึง 50% เมื่อเทียบกับปี 2543 เทียบเท่ากับรถสิบล้อ 327 คัน

ทั้งนี้ คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค โปรเฟสชันแนลได้ร่วมมือกับสถาบันสิ่งแวดล้อมไทยในการดำเนินโครงการประเมินผลวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ เพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพและส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด

ด้านการขนส่ง มีการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ทั้งการบรรจุ ขนย้าย และจัดส่งสินค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการกระจายสินค้า ด้วยระบบ Full Truck Load มีการวางแผนเส้นทางการจัดส่งอย่างมีประสิทธิภาพและสั้นที่สุด เพื่อลดจำนวนเที่ยวการขนส่งและประหยัดการใช้พลังงานเชื้อเพลิง อีกทั้งใช้ระบบ EDI ในการบริหารจัดการ การสั่งซื้อ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดเวลา และการใช้กระดาษในการทำงาน

ด้านการใช้งาน ผลิตภัณฑ์ทิชชูและระบบจ่ายสบู่คุณภาพสูง ช่วยให้ลูกค้าใช้อย่างคุ้มค่ามากขึ้นในปริมาณที่น้อยลง เช่น ผลิตภัณฑ์ KIMCARE* Cassette ที่ใช้งานได้คุ้มค่ากว่าผลิตภัณฑ์สบู่ทั่วไปได้ถึง 2 เท่าและยังทำให้ใช้น้ำล้างมือน้อยลง 20-30% รวมถึงกล่องกระดาษเช็ดมือ Sanitouch ยังควบคุมปริมาณการใช้ที่น้อยกว่ากระดาษเช็ดมือแบบแผ่น

ด้านการกำจัดขยะ ด้วยผลิตภัณฑ์ทิชชูและระบบจ่ายสบู่คุณภาพสูง ช่วยลดปริมาณการใช้ การสูญเสีย และการทิ้งอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ผลิตภัณฑ์เช็ด WYPALL* มีน้ำหนักน้อยกว่าผ้า 80% ช่วยลดปริมาณขยะและค่าใช้จ่ายในการฝังกลบ ระบบจ่ายสบู่ KIMCARE* ที่ผลิตจากพลาสติกสามารถนำกลับไปรีไซเคิลได้ หรือ Scott Hygienic Tissue ที่ไม่มีแกนลดปริมาณชยะเมื่อเทียบกับกระดาษแบบม้วน ทั้งนี้ คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค โปรเฟสชันแนลยังได้พัฒนา EnvironTool เครื่องมือในการคำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการใช้พลังงานในการขนส่งและกำจัดขยะจากผลิตภัณฑ์ไวเปอร์และเศษผ้า
ที่ใช้แล้ว

ด้วยความรับผิดชอบต่อการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค โปรเฟสชันแนล จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค ซึ่งเป็นบริษัทแม่ถูกจัดอันดับให้เป็นบริษัทอันดับ 1 ในกลุ่มผลิตภัณฑ์อนามัยส่วนบุคคลเป็นปีที่ 5 ติดต่อกันจาก Dow Jones Sustainability World Index (DJSI) และได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 5 รางวัล World’s Best Corporate Citizens เป็นปีที่ 2 จาก Corporate Responsibility Magazine รวมถึงรางวัล Energy Star Partner จากสถาบันคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของสหรัฐอเมริกา

“และเพื่อให้การทำงานด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนเป็นรูปธรรมมากขึ้น คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค โปรเฟสชันแนล จึงได้กำลังร่วมศึกษากับสำนักส่งเสริมการตลาดคาร์บอน องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ในการนำร่องดำเนินโครงการคาร์บอนเครดิตในโรงงานปทุมธานี เพื่อตอกย้ำในการเป็นบริษัททิชชูผู้นำด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมไทย ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จใน 5 ปี” นางจิราภรณ์ กล่าวทิ้งท้าย