MJD ตั้งบริษัทลูกผุดโครงการเพิ่ม เชื่อลูกค้ายังมั่นใจซื้อที่อยู่อาศัยย่านกลางเมือง

“เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์” หรือ MJD เร่งเครื่องลุยตลาดคอนโดหรูเต็มสูบ ผุดบริษัทลูก ลุยพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ระดับราคาขายเริ่มต้น ตร.ม.ละ 1.5 แสนบาท เล็งโครงการแรกทำเลย่านทองหล่อ หลังเหตุปัจจัยลบด้านการเมืองคลี่คลาย เชื่อลูกค้าไทย-เทศ ยังให้ความสนใจโครงการที่อยู่อาศัย ย่านกลางเมือง

นายสุริยน พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MJD ผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ เปิดเผยว่า หลังจากเหตุการณ์ความรุนแรงจากปัจจัยการเมืองได้คลี่คลายลงไป บริษัทฯ ได้เตรียมแผนลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมระดับบนเพิ่มขึ้นอีก 1 โครงการ จากเดิมที่จะลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ในปีนี้ 2-3 โครงการ

ทั้งนี้ ภายใต้แผนพัฒนาโครงการใหม่ที่เพิ่มขึ้นนั้น บริษัทฯ ได้จัดตั้งบริษัท เมเจอร์ เรียลตี้ จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 150 ล้านบาท ซึ่งเป็นบริษัทลูกเพื่อพัฒนาโครงการใหม่ดังกล่าว ให้เป็นคอนโดระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ หรือมีระดับราคาขาย ตร.ม.ละ 150,000 บาท ในทำเลย่านทองหล่อ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการสรุปรายละเอียดของโครงการ และเชื่อว่าจะคพร้อมเปิดตัวได้ภายในครึ่งปีหลังของปีนี้

“เราเชื่อว่าหลังจากเหตุการณ์ความรุนแรงจากปัจจัยการเมืองจบลง ลูกค้าทั้งไทยและต่างประเทศจะมีความเชื่อมั่นในการซื้อโครงการที่อยู่อาศัยมากขึ้น ทำให้เราตัดสินใจลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยคอนโดมิเนียมระดับบนเพิ่มขึ้นอีก 1 โครงการ จากเดิมที่จะลงทุนในปีนี้ 2-3 โครงการ เพื่อรองรับกับความต้องการของลูกค้าทั้งไทยและต่างชาติที่จะซื้อที่อยู่อาศัย” นายสุริยน กล่าว

ขณะที่ทิศทางตลาดคอนโดมิเนียมระดับบนในปีนี้ เชื่อว่ายังมีทิศทางการเติบโตที่ดี โดยพฤติกรรมการเลือกซื้อคอนโดมิเนียมของลูกค้ายังให้ความสนใจกับโครงการที่อยู่ในกลางเมือง ที่ใกล้กับรถไฟฟ้า และรถใต้ดินเช่นเดิม แม้ที่ผ่านมามีการคาดการณ์ว่าพฤติกรรมการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยใจกลางเมืองจะเปลี่ยนไปจากเหตุการณ์ความรุนแรงจากปัจจัยทางการเมืองที่เกิดขึ้นก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MJD กล่าวยอมรับว่า ความรุนแรงทางการเมืองที่เกิดขึ้น ทำให้ลูกค้าต่างชาติบางส่วนที่ไม่เข้าใจสถานการณ์และมีความกังวลต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ้าง แต่หากภาครัฐสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างชาติได้ด้วยการเดินหน้าโครงการเมกะโปรเจคท์ เพื่อแสดงสัญญาณถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทย ก็เชื่อว่า ชาวต่างชาติจะให้ความสนใจในการเข้ามาซื้อโครงการที่อยู่อาศัยในประเทศไทยมากขึ้น

“มาตราการอสังหาฯที่ภาครัฐต่อออกไปอีก 1 เดือนเป็นการช่วยเหลือระยะสั้น ไม่ได้ส่งผลต่อภาพรวมธุรกิจมากนัก ดังนั้น ในฐานะผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์อยากให้ภาครัฐเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ด้วยการเดินหน้าเร่งลงทุนโครงการเมกะโปรเจคท์เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น รถไฟฟ้า จะเกิดผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากกว่า” นายสุริยน กล่าว