แสนสิริแจงกำไรครึ่งแรกปี 53/ 577 ลบ. ขณะที่ยอดโอนเกินเป้าที่วางไว้

กลุ่มแสนสิริ แจงผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกปี 2553 สร้างยอดขายรวม 9,946 ล้านบาท มีรายได้รวมกว่า 8,508 ล้านบาท และมีกำไรกว่า 577 ล้านบาท โดยผลประกอบการไตรมาส 2/53 มียอดขายรวม 4,798 ล้านบาท รายได้รวม 4,187 ล้านบาท และมีกำไรกว่า 238 ล้านบาท ขณะที่ยอดการโอนมอบที่อยู่อาศัยเกินตัวเลขประมาณการที่กำหนดไว้ เชื่อมั่นตลาดคอนโดมิเนียมมีดีมานต์ เดินหน้ารุกต่อเนื่องเตรียมเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ใจกลางซอยสุขุมวิท 49 ในชื่อ “Via49” Low rise Condominium เพียง 85 ยูนิต หนึ่งใน Aesthetic Collection มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท

นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทแสนสิริในช่วงครึ่งแรกของปี 2553 ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ ทั้งโครงการคอนโดมิเนียมในย่านธุรกิจกลางใจเมือง โครงการบ้านเดี่ยวรวมทั้งโครงการทาวน์เฮาส์ โดยสามารถสร้างยอดขายรวมโครงการที่อยู่อาศัยในช่วง 6 เดือน (1 ม.ค. – 30 มิ.ย. 53) ได้ถึงประมาณ 9,946 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 45 % ของยอดขายทั้งปีจากที่วางเป้าหมายไว้ที่ประมาณ 22,000 ล้านบาท คิดเป็นรายได้จากการขาย 8,063 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบและแนวสูงในสัดส่วน 64% : 36% รวมทั้งมีกำไรสุทธิ 577 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 507 ล้านบาท ซึ่งคาดการณ์ว่ากลุ่มบริษัทแสนสิริ จะสามารถสร้างผลการดำเนินงานตลอดปี 2553 ได้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้

สำหรับผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทแสนสิริ ในช่วงไตรมาส 2/2552 สามารถสร้างยอดขายโครงการที่อยู่อาศัยรวม 4,798 ล้านบาท คิดเป็นรายได้จากการขาย 3,977 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากที่อยู่อาศัยแนวราบสูงถึง 63% ของรายได้จากการขายทั้งหมด หรือคิดเป็น 2,488 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ทำได้ 238 ล้านบาท ขณะที่ ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1/2552 ที่ผ่านมา มียอดขายรวมกว่า 5,148 ล้านบาท เป็นรายได้รวมกว่า 4,321 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 339 ล้านบาท

“ภาพรวมผลประกอบการที่ค่อนข้างน่าพอใจในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ เป็นผลจากที่มีการโอนและทยอยส่งมอบโครงการคอนโดมิเนียม SIRI at Sukhumvit, โครงการ Prive’ by Sansiri, โครงการ Hive Sukhumvit 65 และคอนโดมิเนียมตากอากาศ โครงการบ้านนับคลื่นและโครงการบ้านแสนสุข หัวหิน รวมถึงโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ ทั้งบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ ที่มีการก่อสร้างและทยอยส่งมอบบ้านให้กับลูกค้าตามเฟสต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยจำนวนที่อยู่อาศัยที่มีการโอนให้กับลูกค้าแล้วในช่วงครึ่งปีมีจำนวนรวมประมาณกว่า 2,040 ยูนิต มูลค่าประมาณ 10,496 ล้านบาท หรือคิดเป็น 61% ของประมาณการยอดโอนมอบที่อยู่อาศัยทั้งปี 2553 ที่ตั้งไว้มูลค่า 17,000 ล้านบาท ซึ่งแสดงถึงความเชื่อมั่นในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะการใช้ประสบการณ์ที่เชี่ยวชาญในการพัฒนาธุรกิจ ” นายเศรษฐา กล่าว

นอกจากนี้ ปัจจัยที่สนับสนุนให้กลุ่มบริษัทแสนสิริ ประสบความสำเร็จในด้านการขายโครงการที่อยู่อาศัยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความต้องการที่อยู่อาศัยของลูกค้ายังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตลาดที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพสูง มีจุดเด่นที่ชัดเจน สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้ายังคงได้รับความสนใจเป็นอย่างดี โดยล่าสุดบริษัทเตรียมเปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ล่าสุด ในชื่อ “Via49” Low rise Condominium เน้นดีไซน์ภายใต้แนวคิด “Live in a Work of Art” หนึ่งใน Aesthetic Collection เพียง 85 ยูนิตเพื่อตอบสนองวิถีแห่งการใช้ชีวิตท่ามกลางความงดงามของงานศิลป์ บนทำเลใจกลางสุขุมวิท ซอย 49 ที่แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท เตรียมเปิด Pre-Sale อย่างเป็นทางการวันที่ 21 – 22 สิงหาคม 2553 นี้ ที่ S31 สุขุมวิท 31 ราคาเริ่มต้น 4.9 ล้านบาท

“ขณะนี้ทิศทางของภาคธุรกิจในประเทศมีสัญญาณของการขยายตัวที่ดีขึ้น จากสถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาคการส่งออกปรับตัวสูงขึ้นตามลำดับ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องติดต่อกันในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา แสดงถึงสัญญาณที่ดีในด้านการพัฒนาโครงการใหม่ ทั้งนี้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2553 บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะขยายฐานการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการขยายโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ๆ เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าทุกเซกเมนต์อีกประมาณ 21 โครงการ มูลค่าโครงการขายรวมประมาณ 32,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมประมาณ 10 โครงการ มูลค่าการขายรวมประมาณ 17,600 ล้านบาท โครงการบ้านเดี่ยว 8 โครงการ มูลค่าประมาณ 11,700 ล้านบาท และยังมีแผนการพัฒนาทาวน์เฮาส์ประมาณ 3 โครงการ มูลค่าโครงการประมาณ 2,700 ล้านบาท ขณะที่ตั้งเป้าหมายยอดขายไตรมาส 3/2553 ไว้ที่ประมาณ 5,600 ล้านบาท” นายเศรษฐา กล่าว