คัสมาร์ ผู้นำตลาดผ้าเย็นรายใหญ่ของไทย ส่งแบรนด์ “Wake Up” รุกตลาด

ค่ายคัสมาร์ ผู้นำตลาดผ้าเย็นรายใหญ่ของประเทศ เตรียมส่งผ้าเย็น “Wake Up” รุกตลาด ด้วยจุดขายเด่นผ้าเย็นสูตรพิเศษไร้แอลกอฮอล์ เจ้าแรกของเมืองไทย เพื่อรองรับความต้องการผู้บริโภคระดับกลางถึงบน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้ที่ใส่ใจด้านสุขภาพผิวหน้า ประเดิมแคมเปญโรดโชว์ และแนะนำสินค้าในร้านอาหาร สถานบันเทิงชั้นนำทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑลในช่วงไตรมาส 3 นี้ พร้อมเตรียมขยายกิจกรรมสู่ภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง ระบุชัดตลาดผ้าเย็นโดยรวมมีมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ในขณะที่ตลาดผ้าเย็น พรีเมี่ยมของ Wake Up จะสร้างส่วนแบ่งราว 10% ภายในปีนี้ และจะสามารถขยายฐานรองรับความต้องการแก่ลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายอรรถสิทธิ์ แสงสุข ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท คัสมาร์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะรุกการเปิดตลาดผ้าเย็นระดับพรีเมี่ยม โดยส่งผ้าเย็นภายใต้แบรนด์ เวคอัพ (Wake Up) เพื่อรุกขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผ้าเย็นเวคอัพ มีความแตกต่างจากผ้าเย็นอื่นๆ คือการพัฒนานวัตกรรมใหม่ให้กับผ้าเย็นสูตรพิเศษ ที่สร้างความสดชื่นให้กับผู้ใช้ และมีจุดเด่นที่สำคัญคือ ปราศจากการใช้แอลกอฮอล์ ทำให้ไม่มีผลกระทบต่ออาการแพ้และระคายเคืองผิวหน้า ทั้งนี้จะมีการจัดกิจกรรมแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ผ้าเย็นเวคอัพ และการใช้ผ้าเย็นอย่างปลอดภัย ให้กับกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงบน ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล อาทิ ร้านอาหารและสถานบันเทิงชื่อในช่วงไตรมาสสามนี้ และจะขยายการแนะนำผลิตภัณฑ์ไปยังพื้นที่ต่างๆ ในภูมิภาคในช่วงไตรมาสสี่ของปีนี้ด้วย ทั้งนี้คาดว่าจะกิจกรรมในครั้งนี้ จะสร้างความสนใจให้กับลูกค้า และส่งผลให้ยอดขายรวมของผ้าเย็นพรีเมี่ยมเวคอัพในปี้นี้เพิ่มขึ้น 15-20% จากเดิมที่มียอดขายราวๆ 20 ล้านบาทต่อปี
ที่ผ่านมาภาพรวมของตลาดผ้าเย็น มีมูลค่าการตลาดโดยรวมประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งราวร้อยละ 60 ของผ้าเย็นที่ขายอยู่ในท้องตลาด ผู้ประกอบการทั่วไปมักนำแอลกอฮอล์มาเป็นส่วนผสมในผ้าเย็น โดยพบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์ราวร้อยละ 4-8 ในขณะที่บริษัท คัสมาร์ จำกัด ในฐานะผู้นำตลาดการพัฒนาธุรกิจเกี่ยวกับผ้าเย็น มีการเปิดตัวผ้าเย็นสูตรพิเศษภายใต้แบรนด์ เวคอัพ มากกว่า 4 ปี โดยวางแผนในการเจาะกลุ่มลูกค้าผ้าเย็นในระดับกลางถึงบน ที่มีอายุระหว่าง 25-45 ปี ที่มีไลฟ์สไตล์ในการชื่นชอบการเดินทาง, ท่องเที่ยว, บันเทิง, ทันสมัยฅ รวมถึงใส่ใจในสุขภาพและความปลอดภัยสูง, มีรสนิยมและมีสถานภาพทางสังคมที่ดี ดังนั้นการพัฒนานวัตกรรมของผลิตภัณฑ์ผ้าเย็น ให้ตอบรับกับตลาดลูกค้าที่ใส่ใจเกี่ยวกับเพื่อสุขภาพ ด้วยการนำสารสกัดและส่วนผสมใหม่ทดแทนการใช้แอลกอฮอล์ในที่สุด ที่เรียกว่าเทคนิค Cooling Agent สูตรเฉพาะของผ้าเย็นเวคอัพ ทำให้เวคอัพเป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวที่ได้รับลิขสิทธิ์ในการผลิตผ้าเย็นที่มีส่วนผสมไร้แอลกอฮอล์ด้วย และแพ็คเกจจิ้งของผ้าเย็นเวคอัพ มีโลโก้ ‘Alcohol Free’ ระบุไว้ที่ซองผ้าเย็นให้เห็นอย่างชัดเจนนั่นเอง

“กลุ่มผู้ใช้ผ้าเย็นกลุ่มเวคอัพมองไว้ ในเบื้องต้นเป็นกลุ่มคนชื่นชอบการขับรถ นักเดินทาง คนที่เที่ยวผับ-บาร์ รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่ใส่ใจในสุขภาพผิวหน้า ซึ่งถือว่าเป็น Global Trend เพื่อฉีกหนีกลยุทธ์จากการแข่งขันด้านราคา ดังนั้นการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ในผลิตภัณฑ์ ทำให้ผ้าเย็นเวคอัพได้เปรียบผู้ผลิตรายอื่น ในฐานะที่มีโรงงานผลิตที่ที่มีคุณภาพ รวมถึงมีหน่วยงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ภายใน ที่ไม่หยุดนิ่งในการค้นคว้า และพัฒนาผลิตภัณฑ์ชั้นเยี่ยมออกสู่ตลาดทุกปี โรงงานการผลิตผ้าเย็นเวคอัพ ได้รับการรองมาตรฐาน ISO 9001-2008 รวมถึงได้การรับรองจาก GMP (Asian Harmonized) ที่รับรองโดยองค์กรเกี่ยวกับอาหารและยาในกลุ่มประเทศอาเซียน ว่าเป็นโรงงานที่ได้มาตรฐานการผลิตที่ดี สำหรับแผนการใช้งบประมาณโฆษณาและส่งเสริมการขายในปีนี้ ใช้งบราว 20% ของยอดขาย ” นายอรรถสิทธิ์ กล่าว
ด้าน น.พ. สมิทธิ์ อารยะสกุล หรือหมอโอ๊ค นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ ในฐานะแขกรับเชิญพิเศษ กล่าวเสริมว่า กรณีการใช้ผ้าเย็นที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ หากพิจารณาโดยสัดส่วนทางเคมีของผ้าเย็นทั่วๆ ไป จะพบว่าปริมาณแอลกอฮอล์ในส่วนผสมอยู่ในผ้าเย็นทั่วไป มักมีสัดส่วนของแอลกอฮอล์ เทียบเท่าได้กับปริมาณของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั่วไป อาทิ เบียร์ ไวน์ เป็นต้น ทั้งนี้อาจจะมีสาเหตุจากการที่ผู้ผลิตทั่วไป ต้องการผลิตเพื่อให้ได้ต้นทุนที่ต่ำ จึงใช้แอลกอฮอล์เข้มข้นและมีคุณภาพต่ำ มาเป็นส่วนผสมในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย และช่วยสร้างความรู้สึกเย็นให้กับผ้าเย็นทั่วๆ ไป ซึ่งผลจากการที่ผู้บริโภคนำผ้าเย็นที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ปริมาณสูงไปใช้ หรือใช้ติดต่อกันบ่อยๆ อาจจะมีผลกระทบต่อผิวหน้าได้ เบื้องต้นอาจแสดงอาการแพ้ของผิวหน้า หรือมีผิวหน้ามีอาการแห้งมากขึ้น บางรายมีอาการแพ้มากถึงขั้นเป็นผื่นแดง หรืออาจทำให้กลายเป็นผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย เป็นต้น สำหรับผ้าเย็นที่ไม่ได้มาตรฐานนี้ หน่วยงานของรัฐก็ยังมิได้มีการตรวจสอบหรือกำกับดูแลอย่างทั่วถึง ซึ่งผู้บริโภคทั่วไปอาจจะมีภาวะเสี่ยงจากการใช้สินค้าได้ ดังนั้นการให้ความรู้แก่ผู้บริโภคเกี่ยวการใช้ผ้าเย็นอย่างถูกวิธี รวมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ผ้าเย็นที่ไม่มีแอลกอฮอล์ จึงนับเป็นอีกทางเลือกที่ดีให้สำหรับผู้บริโภคนั่นเอง