MTS Gold แม่ทองสุก ชี้ตลาดทองคำเที่ยงคืนคึกคัก ยอดเทรดเพิ่มเท่าตัว

ค่าย MTS GOLD แม่ทองสุก ผู้นำตลาดลงทุนทองคำครบวงจร ประสบความสำเร็จอย่าง หลังนำร่องเปิดตัวบริการ “MTS MIDNIGHT TRADE” ขยายเวลาการให้บริการซื้อ-ขายทองคำแท่งถึงเที่ยงคืนเป็นเจ้าแรกของเมืองไทย ส่งผลให้ยอดเทรดทองคำเพิ่มสูงขึ้นเกือบเท่าตัวต่อเดือน ในขณะที่ลูกค้าสนใจลงทุนทองคำเพิ่มขึ้นเกือบ 1,000 รายต่อเดือน ระบุชัดผลจากตลาดทองคำโลกเคลื่อนไหวต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดทองไทยปิดตลาดช่วงกลางคืน การเพิ่มบริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าและนักลงทุน จึงเพิ่มโอกาสและทางเลือกในการลงทุนทองคำแท่งในตลาดทองโลก ทั้ง ลอนดอน และนิวยอร์ก เป็นต้น

น.พ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัทเอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่บริษัทฯ ได้เปิดให้บริการ “MTS MIDNIGHT TRADE” ซึ่งเป็นการขยายเวลาบริการให้แก่ลูกค้านักลงทุนทองคำแท่งแก่ลูกค้าถึงเที่ยงคืน ซึ่งถือว่าเป็นผู้ประกอบการร้านทองคำรายแรกของประเทศไทยที่ให้บริการเทรดทองคำแท่งถึงเที่ยงคืนเต็มรูปแบบเป็นรายแรกของประเทศ โดยลูกค้าสามารถส่งคำสั่งซื้อ-ขายทองคำผ่านระบบโกลด์ออนไลน์ , โกลด์โฟน และระบบโกลด์โมบาย ได้ถึงเที่ยงคืน เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าและนักลงทุน รวมถึงเป็นการเพิ่มโอกาสในการลงทุนทองคำแท่งให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น ซึ่งหลังจากเปิดให้บริการในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา พบว่าปริมาณการซื้อขายทองคำเพิ่มขึ้นถึงกว่า 1 เท่าตัว โดยมีลูกค้าที่ซื้อขายทองคำเพิ่มขึ้นเกือบ 2 พันราย นับเป็นช่องทางเลือกใหม่ในการลงทุนกับลูกค้านั่นเอง

ก่อนหน้านี้ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก ได้เปิดให้บริการซื้อ-ขายทองคำแท่งแก่ลูกค้าในช่วงกลางคืน ตั้งแต่ 09.40-21.50 น. อยู่แล้ว แต่ทั้งนี้เพื่อรองรับความต้องการลงทุนทองคำแท่งของลูกค้า เนื่องจากช่วงที่ตลาดทองคำโลกอันได้แก่ ตลาด ลอนดอน และนิวยอร์กมีปริมาณการซื้อ-ขายมาก ราวๆ 70-80% ของมูลค่าการซื้อ-ขายทองคำรวมทั้งโลก ตรงกับตลาดทองคำไทยปิดตลาดในตอนกลางคืน ในแต่ละวันอาจมีการเคลื่อนไหวของส่วนต่างราคาค่อนข้างมาก ตั้งแต่ 10-30 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งกรณีที่ลูกค้าที่มีความต้องการซื้อ-ขาย หรือลงทุนทองคำแท่งช่วงกลางคืน ก็จะเสียโอกาสในการลงทุนไป ดังนั้นจึงเป็นที่มาของการเปิดให้บริการลงทุนทองคำแท่งในช่วงกลางคืน และขยายเวลาไปจนถึงเที่ยงคืนนั่นเอง

“สำหรับทิศทางราคาทองคำในตลาดเอเชียเคลื่อนปรับตัวสูงขึ้นจากระดับ 1358 เหรียญ และทะลุระดับ 1360 เหรียญ ขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1365 เหรียญ โดยที่มีปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 5906 คู่สัญญา และ Gold Futures 10 บาท อยู่ที่ 2595 คู่สัญญา แต่ว่าปริมาณ Open Interest 50 บาท ปรับตัวลดลง 15% และ Open Interest 10 บาท ลดลง 17% โดยที่ในตลาดลอนดอนและ Comex ราคาค่อนข้างทรงตัวและเกิดแรงเทขายทำกำไร ไปทำจุดต่ำสุดที่ระดับประมาณ 1349 เหรียญ และกลับมาปิดที่ระดับ 1350 เหรียญ โดยที่เมื่อวานตัวเลขทางเศรษฐกิจ คือ ISM Manufacturing ดีกว่าที่คาด ทำให้ค่าเงินดอลลาร์เองปรับตัวแข็งค่าขึ้นบ้างเล็กน้อย ส่วนค่าเงินยูโรร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 1.3875 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.3947 ดอลลาร์/ยูโร ค่าเงินเยนอยู่ที่ระดับ 80.72 เยน/ดอลลาร์ น้ำมันบวก 1.52 เหรียญ/บาร์เรล ปิดที่ระดับ 82.95 เหรียญ/บาร์เรล ดัชนีดาวโจนส์บวก 6.13 จุด ปิดที่ระดับ 11124.62 จุด โดยที่คืนนี้ยังไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญออกมา ตลาดยังคงเฝ้าดูผลของการประชุม FED” น.พ.กฤชรัตน์ กล่าว

ทั้งนี้วิเคราะห์ทางเทคนิคราคาทองคำแกว่งตัวในภาวะขาขึ้นและมีแรงเทขายทำกำไรเป็นรอบ ทำให้ราคา
ทองคำทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1365 เหรียญ และเทขายทำกำไรทดสอบแนวรับแรกที่ระดับ 1350 เหรียญ Oscillator ระยะสั้นรายชั่วโมงเป็นสัญญาณบวกขึ้น โดยที่ราคายังเป็นทิศทางขาขึ้น แต่ว่าน่าจะมีการแกว่งตัวตามมา ตลาดน่าจะรอความชัดเจนของ FED ในคืนวันพรุ่งนี้ แนวต้านในเชิงเทคนิคอยู่ที่ระดับ 1370 เหรียญ และแนวรับอยู่ที่ระดับ 1345 เหรียญ  ราคาสมาคมปิดตลาดที่ระดับ 19150 บาท และ 19250 บาท สำหรับราคาทองคำแท่งของไทย แนวรับอยู่ที่ระดับ 19000 บาท แนวต้านอยู่ที่ระดับ 19200 บาท Gold Futures Series Z10 มีแนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ19240 บาทและมีแนวต้านที่ระดับ 19400 บาท

สำหรับทิศทางของการลงทุนจากบทวิเคราะห์ของ MTS Gold แม่ทองสุกประจำวันนี้ (2 พ.ย.) ระบุว่า สำหรับนักลงทุนระยะรายวัน (Daily Trade) ให้เก็งกำไรในภาวะขาขึ้น และตามการแกว่งตัวตามตลาด โดยที่ซื้อบริเวณแนวรับ ส่วนลงทุนรายสัปดาห์ (Weekly Trade) หลังจากที่เมื่อวานให้ขายทำกำไรไปบ้างแล้ว วันนี้ให้ทยอยเข้าซื้อ รักษา Port ที่ระดับ 40% ส่วนนักลงทุนระยะยาวทองคำแท่งให้ทยอยซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลงเท่านั้น