แสนสิริเผยแผนเปิดตัว 11 คอนโดฯใหม่ปี 54 รวมมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท

บมจ. แสนสิริ เปิดฉากรุกตลาดคอนโดมิเนียม ปี 54 พัฒนาต่อเนื่องอีก 11 โครงการใหม่ มูลค่า 20,000 ล้านบาท เผยมีที่ดินเตรียมพัฒนาโครงการ (Land Bank) แล้ว 8 ทำเลทองเกาะทำเลเส้นทางรถไฟฟ้า ที่อยู่ระหว่างสร้างสรรค์แนวคิดโครงการ พร้อมตอกย้ำความเชื่อมั่นแก่ลูกค้าโดยเตรียมแผนงานซื้อวัสดุก่อสร้างล่วงหน้า 2 ปีและจับมือบิ๊ก 6 บริษัทรับเหมาก่อสร้างระดับแนวหน้าเพื่อพัฒนาโครงการใหม่ หลังปี 53 ลูกค้าให้การตอบรับและเชื่อมั่นในแบรนด์คอนโดมิเนียมของแสนสิริจนต้องขยับเป้าต่อเนื่องกว่า 3 ครั้ง มั่นใจปี 54 โตต่อเนื่องทุกระดับราคา

นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทิศทางกลยุทธ์การรุกตลาดคอนโดมิเนียมในปี2554 ของ บมจ.แสนสิรินั้น จะพัฒนาโครงการครอบคลุมความต้องการทุกระดับราคาความต้องการของลูกค้า โดยวางแผนพัฒนาคอนโดมิเนียมอีก 11 โครงการใหม่ มูลค่ารวมประมาณ 20,000 ล้านบาท หรือคาดว่าจะสามารถนำเสนอยูนิตใหม่สู่ตลาดได้ประมาณ 4,000 – 5,000 ยูนิตในปีหน้า โดยยังคงเน้นพัฒนาคอนโดมิเนียมทำเลติดเส้นทางรถไฟฟ้าซึ่งแสนสิริทำตลาดมาอย่างยาวนานเป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันมีที่ดินรอการพัฒนาโครงการ หรือแลนด์แบงค์แล้วประมาณ 8 ทำเล เน้นในย่านสุขุมวิท, สาทร – ตากสิน, พหลโยธิน, สะพานควายและแนวต่อขยายเส้นทางรถไฟฟ้า รวมทั้งล่าสุดได้ซื้อที่ดินกว่า 10 ไร่ย่านรัตนาธิเบศร์แนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วง เตรียมพัฒนาคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่รองรับการเติบโตของทำเล พร้อมชู 3 หัวใจหลักกลยุทธ์สู่ความสำเร็จ ได้แก่ “ทำเล-คุณภาพสินค้า และบริการหลังการขายแบบมืออาชีพ” โดยเชื่อว่าภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในปีหน้า ผู้ประกอบการรายเล็กจะลดน้อยลงมากเหลือเพียงผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีความพร้อมด้านเงินทุนหลังจากธนาคารแห่งประเทศไทยหรือ ธปท. คุมกลไกการปล่อยสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์

“ผมเชื่อว่าการที่ ธปท. ประกาศมาตรการเพื่อรักษาสมดุลย์ระหว่างดีมานด์และซัพพลายตลาดนั้นจะทำให้ปีหน้าเราจะเห็นแต่การแข่งขันของแบรนด์ใหญ่ๆ ที่เป็นมืออาชีพ ซึ่งมุมมองของแสนสิริเชื่อว่า ณ ปัจจุบันตลาดรวมยังอยู่ในภาวะที่สมดุลย์ พิจารณาได้จากยอดรวมคอนโดฯในปี 53 ที่นำเสนอสู่ตลาดประมาณ 85,000 ยูนิต และคาดว่าจะขายได้กว่า 55,000 ยูนิตภายในสิ้นปี ซึ่งจะทำให้มียูนิตคงค้างเพื่อขายต่อไปในปี 54 อีกเพียง 30,000 ยูนิตเท่านั้น ซึ่งหากไม่มีการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ก็คาดว่าจะขายหมดในครึ่งปีแรก ขณะที่ราคาคาดว่าจะขยับสูงขึ้น 3-5% โดยภาพรวมตลาดการพัฒนาคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ๆ นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นคอนโดฯ ในระดับราคา 50,000 – 70,000 บาทต่อ ตร.ม. ส่วนระดับราคา 100,000 บาทต่อ ตร.ม. จะมีน้อยลง เนื่องจากที่ดินหายากขึ้นและราคาปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะทำเลย่านรถไฟฟ้า ซึ่งหากพิจารณาย้อนหลังไป พบว่าในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา ราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้นกว่า 40 เท่า โดยเฉพาะที่ดินเกาะแนวรถไฟฟ้าราคาขยับขึ้นสูงกว่า 200% ภายในระยะเวลาเพียง 5 ปี โดยทำเลที่จะเกิดการแข่งขันสูงสุด คือ สุขุมวิท ทองหล่อ พญาไท และสะพานควาย เป็นต้น” นายอุทัย กล่าว

นอกจากนี้เรายังคงพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมอย่างต่อเนื่องตลอดปี 54 โดยจะกระจายในทุกกลุ่มราคาตั้งแต่ 30,000 – 100,000 บาทต่อ ตร.ม. ขึ้นไป โดยจะนำระบบพรีแคสเข้ามาช่วยในการบริหารต้นทุนและเพิ่มความรวดเร็วในการก่อสร้างคอนโดฯ ด้วย พร้อมสร้างความแตกต่างด้วยการจับมือพาร์ทเนอร์แบรนด์ดังเพื่อสร้างสรรค์วัสดุก่อสร้างและเฟอร์นิเจอร์ในรูปแบบเฉพาะ เพื่อเสริมความสะดวกสบายและประหยัดพื้นที่ในการอยู่อาศัยมากยิ่งขึ้น โดยได้ประสานงานกับทีมแสนสิริ ดีไซน์ โซลูชั่นออกแบบในส่วนงานดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอคอนโดมิเนียมแก่ลูกค้าในรูปแบบ Fully Furnished

ขณะที่ตลาดคอนโดฯ ระดับบน จะเน้นการพัฒนาแบบ Innovative Design ร่วมกับการพัฒนาแนวคิดเฉพาะโครงการเป็นสำคัญ ในทำเลใจกลางแหล่งสาธารณูปโภคเพื่อความสะดวกสบายควบคู่กับบรรยากาศอันเป็นส่วนตัว อาทิ ล่าสุดที่แสนสิริได้เปิดตัวโครงการ “Via Botani” (เวีย โบทานิ) คอนโดฯ ที่สร้างล้อมรอบต้นไม้ใหญ่เพื่อความร่มรื่นในการอยู่อาศัย ที่สามารถสร้างยอดขายได้แล้วกว่า 60% หลังจากเปิดตัวการขายเมื่อวันเสาร์ที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งยืนยันให้เห็นว่า ปัจจุบันลูกค้าไม่ได้มองที่ราคาเป็นสำคัญ แต่กลับมองถึงความคุ้มค่าและ Value ที่จะเพิ่มมากขึ้น หากเลือกซื้อโครงการที่มีจุดขายที่แตกต่างภายใต้แบรนด์ซึ่งเป็นที่ยอมรับในตลาด ส่วนแผนการพัฒนาโครงการ “9 Elvaston Place” คอนโดมิเนียมในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ส่งบุตรหลานไปศึกษาต่อนั้นนั้น ปัจจุบันได้เริ่ม Renovate บางส่วนแล้ว และคาดว่าจะเปิดขายได้ภายในกลางปี 54”

“นอกจากนี้ในปี 2554 แสนสิริ จะเน้นการสร้างความรู้ความเข้าใจในการอยู่อาศัยร่วมกันภายในคอนโดฯ เพื่อเพิ่มมูลค่าโครงการในระยะยาว ซึ่งจะได้ประสานความร่วมมือกับ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ บริษัทในเครือซึ่งดูแลด้านการบริหารโครงการ ตลอดจน แสนสิริ ดีไซน์ โซลูชั่น ในการสร้างสรรค์แนวคิดการพัฒนาใหม่ๆ ดังกล่าวให้เป็นรูปธรรม โดยล่าสุดได้จัดกิจกรรม Siri Green Community โดยร่วมมือกับบริษัท วงษ์พาณิชย์ สุวรรณภูมิ เข้าไปสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการคัดแยกขยะ เพื่อสร้างสังคมที่น่าอยู่อย่างยั่งยืน รวมถึงการพัฒนาทีมบริการหลังการขายเพื่อให้บริการแก่ลูกค้าในการปรับปรุงโครงการให้อยู่ในสภาพที่ดีอย่างยั่งยืน” นายอุทัย กล่าวสรุป