รีเสิร์ช อิน โมชั่น แถลงผลประกอบการไตรมาสที่ 3 สิ้นสุดเดือนพฤศจิกายน ปีนี้

รีเสิร์ช อิน โมชั่น หรือ ริม (Research In Motion – RIM) (NASDAQ: RIMM; TSX: RIM) ผู้นำด้านตลาดการสื่อสารผ่านโทรศัพท์มือถือทั่วโลก รายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 (ก.ย. – พ.ย. 2553) สิ้นสุดเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2553 (ตัวเลขที่ระบุเป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐอเมริกา และ U.S. GAAP)

ตัวเลขสำคัญ:
จำนวนสมาร์ทโฟนแบล็กเบอร์รี่ที่จัดจำหน่ายในไตรมาสนี้ คิดเป็น 14.2 ล้านเครื่อง เติบโตขึ้น 40% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันเมื่อปีก่อน

รายได้เติบโตขึ้น 40% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันเมื่อปีก่อน หรือคิดเป็นมูลค่ารายได้ 5.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มีกำไรต่อหุ้นในไตรมาสนี้ คิดเป็น 1.74 เหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 58% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันเมื่อปีก่อนมูลค่าเงินสดเพิ่มขึ้นอีก 446 ล้านเหรียญสหรัฐฯ รวมมูลค่าเงินสดเมื่อสิ้นสุดไตรมาสนี้ คิดเป็น 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

ผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 (เดือน ก.ย. – พ.ย. 2553)

รายได้ในไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ 2554 คิดเป็น 5.49 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 19% จาก ไตรมาสก่อนที่มีรายได้ประมาณ 4.62 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และเพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันเมื่อปีก่อนซึ่งมีรายได้รวม 3.92 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยรายได้ดังกล่าวมาจากการจำหน่ายเครื่องแบล็กเบอร์รี่ 82% มาจากการให้บริการ 15% จากซอฟท์แวร์และรายได้อื่นๆ 3% ทั้งนี้ในระหว่างไตรมาสนี้ ริมได้จัดจำหน่ายสมาร์ทโฟนแบล็กเบอร์รี่ประมาณ 14.2 ล้านเครื่อง
สำหรับไตรมาสที่ 3 นี้ มียอดผู้สมัครใช้บริการแบล็กเบอร์รี่รายใหม่เพิ่มถึง 5.1 ล้านราย ทำให้ในช่วงปลายไตรมาส ยอดจำนวนผู้สมัครใช้บริการแบล็กเบอร์รี่ทั่วโลกทั้งหมดอยู่ที่ 55 ล้านราย

มร. จิม บัลซิลลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท รีเสิร์ช อิน โมชั่น กล่าวว่า “เรามีความยินดีอย่างยิ่งกับความสำเร็จของผลประกอบการในไตรมาสนี้ ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของยอดจำหน่ายเครื่องแบล็กเบอร์รี่ จำนวนยอดผู้สมัครที่ลงทะเบียนใช้บริการแบล็กเบอร์รี่ และผลกำไรที่เพิ่มขึ้น ธุรกิจของริมยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยความหลากหลายของการพัฒนาแบล็กเบอร์รี่ ซึ่งเป็นตัวเร่งกระตุ้นตลาดทั่วโลก ทั้งนี้ ด้วยผลประกอบการที่ยอดเยี่ยม และการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนกระแสตอบรับจากคู่ค้าและกลุ่มลูกค้า เกี่ยวกับแผนการเปิดตัวสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ซอฟต์แวร์ รวมถึงการนำเสนอบริการใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า จึงทำให้เราตั้งเป้าหมายความสำเร็จไว้อย่างต่อเนื่อง”

รายได้สุทธิของบริษัทในไตรมาสนี้คิดเป็น 911.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.74 เหรียญสหรัฐฯ เปรียบเทียบกับไตรมาสที่แล้วซึ่งมีรายได้สุทธิ 796.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.46 เหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่ช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มีรายได้สุทธิ 628.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.10 เหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้ มีจำนวนเงินสด รายการเทียบเท่าเงินสด การลงทุนทั้งระยะสั้นและระยะยาว ณ วันที่ 27 พฤศจิกายน คิดเป็นมูลค่า 2.47 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอีก 446 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนที่มีมูลค่า 2.03 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ทางด้านกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 มีมูลค่าประมาณ 975 ล้านเหรียญสหรัฐฯ การใช้จ่ายเงินสดดังกล่าวครอบคลุมทั้งรายจ่ายที่เป็นการลงทุนประมาณ 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ การเรียกซื้อคืนหุ้นสามัญ ประมาณ 133 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และการซื้อสินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้ มูลค่าประมาณ 45 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

คาดการณ์ตัวเลขในไตรมาสที่ 4 (เดือน ธ.ค. 2553 – ก.พ. 2554)
คาดการณ์ตัวเลขรายได้ในไตรมาสที่ 4 ประจำปีงบประมาณ 2554 จะอยู่ระหว่าง 5.5-5.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และกำไรในไตรมาสที่ 4 จะอยู่ในสัดส่วนใกล้เคียงกับไตรมาสที่ 3 รวมถึงกำไรสุทธิต่อหุ้นซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าประมาณ 1.74-1.80 เหรียญสหรัฐฯ