อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. ปักธงปีแห่งการสร้างพันธมิตร เดินหน้า 4 กลยุทธ์หลัก

บมจ. อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. ประกันชีวิต คาดเบี้ยประกันรับปี 54 เติบโตแข็งแกร่ง ตั้งเป้ากวาดเบี้ยประกันรับปีแรกจากทุกช่องทาง 6 พันล้านบาทในสิ้นปี พร้อมเร่งกลยุทธ์ปั๊มเบี้ยจากช่องทางการตลาดขายตรง ซึ่งเป็นหนึ่งช่องทางการขายที่มีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดของบริษัทฯ และเป็นอันดับหนึ่งของช่องทางการตลาดขายตรงของธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทย เพื่อพิชิตเป้าเบี้ยประกันรับปีแรกผ่านช่องทางนี้ 1 พันล้านบาท (เบี้ยประกันรายปี 1.2 พันล้านบาท) หรือเติบโตขึ้น 36% (เบี้ยประกันรายปี เติบโต 44%) จากปีที่แล้ว

บมจ. อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. ประกันชีวิต เปิดเผยกลยุทธ์เด็ดช่องทางการตลาดขายตรง สำหรับการดำเนินธุรกิจตลอดปี 2554 ตอกย้ำตำแหน่งแชมป์ยอดเบี้ยประกันสูงสุด 3 ปีซ้อน ซึ่งปีนี้บริษัทฯ ได้ยึดแนวคิด “ปีแห่งการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ” โดยจะเดินหน้าให้ความสำคัญกับการขยายฐานการจัดจำหน่ายเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคชาวไทยได้เข้าถึงการซื้อผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตผ่านช่องทางการตลาดขายตรง รวมถึงปรับปรุงคุณภาพการขายเพื่อส่งมอบประสบการณ์พิเศษให้แก่ลูกค้า ตลอดจนนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเพื่อตอกย้ำจุดแข็งของบริษัทฯ ในฐานะพันธมิตรที่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

นายไบรอัน สมิธ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการตลาดขายตรง แบงก์แอสชัวรันซ์และประกันกลุ่ม บมจ. อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. ประกันชีวิต เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาช่องทางการตลาดขายตรงของ อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. นับว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง สามารถรักษาตำแหน่งแชมป์ไว้ได้ต่อเนื่อง 3 ปีซ้อน มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงสุดทั้งในด้านเบี้ยประกันรับรวมและเบี้ยประกันรับปีแรก ในปี 2553 บริษัทฯ ยังคงนำโด่งเหนือคู่แข่ง โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดด้านเบี้ยประกันรับรวมอยู่ที่ 24.7% และด้านเบี้ยประกันรับปีแรกอยู่ที่ 27.7%

สำหรับทิศทางและกลยุทธ์ธุรกิจในปี 2554 บริษัทฯ จะเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งให้กับช่องทางการตลาดขายตรงต่อไป ด้วย 4 กลยุทธ์หลัก ดังนี้

กลยุทธ์แรก เจาะลึกและขยายฐานเครือข่ายพันธมิตร “เพราะเราทราบดีว่า บริษัทต่างๆ เลือกที่จะร่วมงานกับบริษัทประกันที่มีศักยภาพ แสดงความสามารถในการทำงานที่ดี และนำเสนอนวัตกรรมที่มีคุณค่าสำหรับลูกค้าของพวกเขา และผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของเรา พิสูจน์ให้เห็นชัดเจนว่าเรามีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการเป็นพันธมิตรทางเลือกที่ดีที่สุด โดยในขณะนี้เราได้ขยายเครือข่ายพันธมิตรธุรกิจ ซึ่งเป็นพันธมิตรเดิมของเราออกไปอีก ขณะเดียวกันก็มีการเจรจากับพันธมิตรธุรกิจรายใหม่เพิ่มเติม ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีแนวทางการดำเนินงานที่สอดคล้องกับการทำงานของเรา และมีเป้าหมายสำคัญในการเพิ่มมูลค่าให้แก่ลูกค้าด้วยการนำเสนอบริการทางการเงินผ่านช่องทางการตลาดขายตรงของเรา” นายสมิธ กล่าว

กลยุทธ์ที่สอง บริษัทฯ จะเน้น การสร้างความเป็นเลิศในการปฏิบัติงาน โดยนายสมิธ กล่าวว่า เพื่อรองรับการให้บริการแก่ลูกค้าที่มีจำนวนมาก ทั้งลูกค้าใหม่และเก่า บริษัทฯ จำเป็นจะต้องเพิ่มระดับการวางระบบการทำงานแบบอัตโนมัติให้สูงขึ้น ทั้งนี้ บริษัทฯ จะยังคงเดินหน้าประสานงานกับพันธมิตรธุรกิจอย่างใกล้ชิดต่อไป เพื่อปรับปรุงและพัฒนาความเชี่ยวชาญในการจัดการฐานข้อมูลและการแบ่งกลุ่มลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าได้รับข้อเสนอที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ และในช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด

“ยิ่งไปกว่านั้น เรายังได้เพิ่มจำนวนพนักงานขายทางโทรศัพท์ของเราอีก 25% เพื่อรองรับความต้องการของพันธมิตรธุรกิจทั้งหมดของเรา ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ กำลังเพิ่มและอบรมพนักงานขายมืออาชีพของเราให้ได้ 517 ราย เพื่อมาให้บริการแก่ลูกค้าของเรา เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีพนักงานขายรวมทั้งสิ้น 415 ราย

“ไม่เพียงเท่านั้น เรายังได้ทุ่มงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท ในการพัฒนาศูนย์บริการขายทางโทรศัพท์ในกรุงเทพฯ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 3 แห่งให้ทันสมัยยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เราเชื่อมั่นว่าด้วยการปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพของศูนย์บริการขายของเรา จะทำให้เราสามารถครองตำแหน่งผู้นำตลาดในปี 2554 นี้ และปีต่อๆ ไป

กลยุทธ์ที่สาม มุ่งเน้นเป็นบริษัทที่ดีที่สุดในการปฏิบัติตามกฎระเบียบ ของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) อย่างเคร่งครัด ในแง่ของการดำเนินงานช่องทางการตลาดขายตรง

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายสมิธ กล่าวว่า “กฎระเบียบของคปภ. ออกมาบังคับใช้เพื่อควบคุมคุณภาพการขายผ่านทางโทรศัพท์ ซึ่งบริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการติดตามตรวจสอบการปฏิบัติงานของพนักงานขายทางโทรศัพท์ โดยมีระบบตรวจสอบพนักงานผ่านการอัดเทปการสนทนากับลูกค้า และมีการประเมินผลการทำงานเป็นประจำ ซึ่งเทปที่บันทึกไว้จะถูกเก็บรักษาไว้เป็นเวลา 10 ปี ในกรณีที่เกิดข้อสงสัยขึ้นมาระหว่างการสนทนาระหว่างพนักงานและลูกค้า ทั้งนี้เพื่อให้การทำงานของพนักงานขายเป็นไปตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด และเป็นมืออาชีพ นำมาซึ่งผลประโยชน์สูงสุดของลูกค้าและธุรกิจประกัน”

และกลยุทธ์สุดท้าย มุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเพื่อตอบสนองทุกความ ต้องการของลูกค้า อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี.ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะกับ ช่องทางนี้ บริษัทฯ ได้ทำการออกแบบนัวตกรรมผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ให้มีความหลากหลาย สื่อสารเข้าใจง่าย ราคาคุ้มค่า โดยไม่ต้องตรวจสุขภาพ เพื่อสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย “ที่สำคัญที่สุด ผลิตภัณฑ์ทุกตัวของเรา เป็นผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อจำหน่ายให้ลูกค้าของ อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. ผ่านช่องทางการตลาดขายตรงนี้เท่านั้น” นายสมิธ กล่าว

“ด้วยเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ผนวกกับการมุ่งเน้นสร้างความเป็นเลิศในการ ปฏิบัติงานอย่างไม่หยุดนิ่ง และการปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด รวมถึงการมุ่งนำเสนอ ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า เราจึงเชื่อมั่นว่าจะสามารถ เดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งให้กับช่องทางการตลาดขายตรงของเราได้ ภายใต้แนวคิด “ปีแห่งการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ” และยังคงครองตำแหน่งแชมป์ในช่องทางการตลาดขายตรงต่อไป โดยในปี 2554 นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าผลิตเบี้ยประกันรับปีแรกผ่านช่องทางนี้ไว้ที่ 1 พันล้านบาท (โดยเป็นเบี้ยประกันรายปี 1.2 พันล้านบาท) หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 36% จากปีที่แล้ว (เบี้ยประกันรายปี เติบโต 44%) ซึ่งจะส่งผลให้ช่องทางนี้สามารถผลิตเบี้ยประกันรับปีแรก คิดเป็นสัดส่วน 17% ของรายได้เบี้ยประกันรับปีแรกทั้งหมดของบริษัทฯ และปีนี้จะเป็นปีแห่งความสำเร็จอีกปีหนึ่งของ อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี.สำหรับช่องทางการตลาดขายตรง และยังคงยึดตำแหน่งผู้นำในธุรกิจต่อไป” นายสมิธ กล่าวสรุป