เทศกาลวันแม่ปี ’54 : กระตุ้นตลาดไทยเที่ยวไทย….คึกคัก

ท่ามกลางกระแสการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศ อาจกล่าวได้ว่า ช่วงวันหยุดติดต่อกัน 3 วัน คือ วันที่ 12-14 สิงหาคม 2554 ของเทศกาลวันแม่ นับเป็นโอกาสสำคัญในการเพิ่มพูนรายได้ของบรรดาธุรกิจค้าปลีก ทั้งห้างสรรพสินค้า และศูนย์การค้า ตลอดจนธุรกิจบริการด้านการท่องเที่ยว ซึ่งประกอบด้วย ธุรกิจโรงแรม ภัตตาคารและร้านอาหาร บริการด้านสุขภาพต่างๆ (อาทิ โรงพยาบาล บริการสปา และนวดแผนไทย) ร้านจำหน่ายอัญมณีและเครื่องประดับ ธุรกิจนำเที่ยว และธุรกิจบริการด้านคมนาคม (อาทิ ธุรกิจการบิน และรถเช่า) โดยบรรดาผู้ประกอบการธุรกิจดังกล่าวต่างจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อกระตุ้นตลาดไทยเที่ยวไทยโดยเฉพาะในกลุ่มครอบครัว ให้มาใช้บริการเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลวันแม่ปีนี้

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ประมาณการแนวโน้มตลาดคนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ และรายได้ด้านการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวคนไทยในช่วงเทศกาลวันแม่ปี 2554 โดยใช้คำจำกัดความ “การเดินทางของนักท่องเที่ยว” ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวคือ การเดินทางของนักท่องเที่ยว หมายถึงการเดินทางไปยังจังหวัดอื่น ซึ่งไม่ใช่ที่อยู่ในปัจจุบัน อันจะรวมทั้งการเดินทางท่องเที่ยวในลักษณะค้างคืน และทัศนาจร (การเดินทางแบบเช้าไปเย็นกลับ)

เทศกาลวันแม่…กระตุ้นไทยเที่ยวไทยเดือนส.ค. : คาดเม็ดเงินสะพัด 3.5 หมื่นล้านบาท
การเดินทางท่องเที่ยวในประเทศของนักท่องเที่ยวคนไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2554 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรก ทั้งนี้ด้วยแรงเกื้อหนุนจากปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะสถานการณ์ทางการเมืองที่เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้นตามลำดับหลังจากการเลือกตั้ง ทำให้เกิดความสงบสุขภายในประเทศ ซึ่งเอื้ออำนวยต่อการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ

อย่างไรก็ตาม ด้วยปัจจัยลบที่มากระทบในเรื่องของราคาน้ำมันที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง และราคาสินค้าและบริการต่างๆที่ปรับตัวสูงขึ้นตามลำดับ เหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบทำให้พฤติกรรมการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศของคนไทยมีแนวโน้มปรับเปลี่ยนไป โดยส่วนใหญ่หันมานิยมเดินทางท่องเที่ยวระยะใกล้ กันมากขึ้น สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวระยะไกลก็จะมีการวางแผนการล่วงหน้า และใช้ระยะเวลาพำนักท่องเที่ยวนานขึ้น โดยเลือกเดินทางช่วงที่มีวันหยุดติดกันหลายวัน หรือลาพักร้อนไปในช่วงวันธรรมดา นอกจากนี้ ยังมีการเดินทางท่องเที่ยวในลักษณะเช้าไปเย็นกลับเพิ่มขึ้นตามลำดับ ส่งผลให้การเดินทางท่องเที่ยวในลักษณะค้างคืนของนักท่องเที่ยวคนไทยมีสัดส่วนลดลงจากร้อยละ 65.84 ในปี 2540 ลงมาเหลือร้อยละ 55.91 ในปี 2550 และใกล้เคียงร้อยละ 50 ในปัจจุบัน

สำหรับในช่วงเทศกาลวันแม่ปีนี้ ซึ่งมีวันหยุดติดต่อกัน 3 วัน เอื้ออำนวยต่อการเดินทางท่องเที่ยวต่างจังหวัด ทั้งการที่ลูกหรือครอบครัวพาแม่เดินทางไปพักผ่อนท่องเที่ยวตามต่างจังหวัด และการที่ลูกหรือครอบครัวเดินทางไปเยี่ยมแม่ที่พำนักในต่างจังหวัด และถือโอกาสเดินทางท่องเที่ยวไปด้วยในตัว ซึ่งมีทั้งการเดินทางท่องเที่ยวแบบค้างคืน และแบบเช้าไปเย็นกลับ

เป็นที่น่าสังเกตว่า จากความร่วมมือของทุกฝ่ายที่เกี่ยวของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ในการเร่งฟื้นฟูภาพลักษณ์ของกรุงเทพฯ ส่งผลให้ความสงบสุขกลับคืนมาสู่กรุงเทพฯอย่างรวดเร็ว หลังเกิดเหตุการณ์รุนแรงเมื่อเดือนพฤษภาคม 2553 ทำให้กรุงเทพฯยังคงเป็นปลายท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับ 1 ของนักท่องเที่ยวคนไทยในปี 2553 (จากการสำรวจของกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา)

ดังนั้น การที่กรุงเทพมหานครและหน่วยงานต่างๆร่วมกันจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถอย่างยิ่งใหญ่ในเทศกาลวันแม่ปีนี้ คาดว่า จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากจากต่างจังหวัด ให้เดินทางเข้ามาเที่ยวชมความสวยงามของการประดับซุ้มตกแต่งดอกไม้ ต้นไม้ และไฟประดับตามถนนสายสำคัญ และสถานที่สำคัญต่างๆ รวมทั้งเข้าร่วมกิจกรรมอื่นๆภายในงานอย่างคึกคัก (สถานที่จัดงาน ได้แก่ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ลานพระราชวังดุสิต ลานคนเมือง และตลอดแนวถนนราชดำเนิน) และถือโอกาสนี้แวะเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ รวมทั้งไหว้พระตามวัดที่มีชื่อเสียงในกรุงเทพฯ นอกเหนือจากการร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่บรรดาผู้ประกอบการ (อาทิ ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ภัตตาคาร/ร้านอาหาร สถานบริการด้านสุขภาพ ทั้งโรงพยาบาล และสถานบริการแพทย์ทางเลือกต่างๆ เช่น นวดและสปา) ต่างถือโอกาสในช่วงเทศกาลวันแม่ จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายกระตุ้นตลาด โดยนำเสนอแพ็คเกจพิเศษ หรือส่วนลดพิเศษ สำหรับลูกหรือครอบครัวที่พาแม่มาใช้บริการในช่วงเทศกาลวันแม่

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงคาดว่า การเดินทางท่องเที่ยวในประเทศของคนไทยช่วงวันหยุดในเทศกาลวันแม่ปีนี้ มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า แม้ว่าจะเกิดอุทกภัยในบางพื้นที่ของภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งภูมิอากาศที่มีฝนตกค่อนข้างชุก ทำให้ส่วนใหญ่จะเน้นการเดินทางท่องเที่ยวในระยะใกล้กันมากขึ้น โดยหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่ยังประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งปลายทางท่องเที่ยวที่คาดว่าจะได้รับความนิยมในช่วงเทศกาลวันแม่ปีนี้ คือ กรุงเทพฯ แหล่งท่องเที่ยวในภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก รวมถึงชายทะเลในฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามันทางภาคใต้ ที่คาดว่าจะมีฝนตกเบาบางกว่าทางตอนบนของประเทศ

รายการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมในช่วงเทศกาลวันแม่ มักเป็นการเดินทางไปไหว้พระหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตามวัด/ศาลเจ้าหรือสถานที่ที่มีชื่อเสียงได้รับความเลื่อมใสศรัทธา โดยแวะรับประทานอาหารตามร้านอาหารยอดนิยมที่ได้รับคำแนะนำชวนชิมจากสำนักต่างๆตามเส้นทางเดินทางท่องเที่ยว รวมทั้งซื้อสินค้าต่างๆ และของฝากพื้นเมืองในท้องถิ่นนั้นๆติดมือกลับมาด้วย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า การเดินทางท่องเที่ยวในประเทศของนักท่องเที่ยวคนไทยในช่วงวันหยุดเทศกาลวันแม่ปีนี้ มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าเกือบร้อยละ 10 โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวประมาณ 1.6 ล้านคน และก่อให้เกิดรายได้ด้านการท่องเที่ยวกระจายไปตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆทั่วประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 6,500 ล้านบาท (เป็นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวคนไทยที่เดินทางไปเที่ยวจังหวัดอื่น ซึ่งไม่ใช่จังหวัดที่พำนักอยู่ในปัจจุบัน ทั้งการเดินทางท่องเที่ยวในลักษณะค้างคืน และเช้าไปเย็นกลับ) เม็ดเงินส่วนใหญ่สะพัดไปสู่ธุรกิจด้านที่พัก ภัตตาคาร/ร้านอาหาร และร้านจำหน่ายสินค้าของที่ระลึกนักท่องเที่ยว

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันยังมีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยที่หลีกเลี่ยงการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงที่มีวันหยุดติดกันหลายวัน เพราะมักจะประสบปัญหาการจราจรติดขัด ตามเส้นทางหลักสู่แหล่งท่องเที่ยวในภาคต่างๆ และความแออัดยัดเยียดของนักท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ประกอบกับบรรดาผู้ประกอบการต่างขยายเวลาในการจัดรายการส่งเสริมการขายในเทศกาลวันแม่ตลอดทั้งเดือนสิงหาคม เพื่อกระจายนักท่องเที่ยวไม่ให้กระจุกตัวเข้ามาใช้บริการในช่วงวันหยุด 3 วัน (12-14 สิงหาคม) โดยเฉพาะธุรกิจบริการด้านที่พัก และร้านอาหาร ซึ่งต่างมีข้อจำกัดในการรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ทำให้นักท่องเที่ยวบางส่วนเลือกที่จะเดินทางพาแม่ไปเที่ยวในช่วงอื่นๆของเดือนสิงหาคม

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงคาดการณ์ว่า จากหลายปัจจัยที่เกื้อหนุนด้านการท่องเที่ยวไทย ส่งผลให้ตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศตลอดทั้งเดือนสิงหาคม 2554 มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 โดยมีจำนวนรวมทั้งสิ้นประมาณเกือบ 9 ล้านคน และก่อให้เกิดรายได้ท่องเที่ยวสะพัดตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆทั่วประเทศคิดเป็นมูลค่าประมาณ 35,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

สรุป
ภาพรวมการท่องเที่ยวภายในประเทศของคนไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2554 ยังคงมีทิศทางขยายตัวต่อเนื่อง จากความสงบทางการเมืองที่ทุกฝ่ายต่างคาดหวังกันว่าจะเกิดขึ้น หลังจากการเข้ามาบริหารประเทศของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งจะนำความสงบสุขภายในประเทศกลับคืนมาในที่สุด ส่งผลให้บรรยากาศการท่องเที่ยวของไทยกลับสู่ภาวะปกติโดยแท้จริงตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2554 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งหลังของปี 2554 ตลาดไทยเที่ยวไทยยังได้รับแรงเกื้อหนุนสำคัญจากนโยบายการกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศของภาครัฐ โดยได้รับการสนับสนุนจากธุรกิจเอกชนที่เกี่ยวข้อง ในการร่วมกันส่งเสริมให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวเป็นหมู่คณะ ไปตามเมืองท่องเที่ยวรองเพิ่มขึ้นตามลำดับ ในโครงการ “คนเล่าเรื่อง เมืองน่ารัก” ทั้งนี้ เพื่อลดความแออัดตามแหล่งท่องเที่ยวหลัก และช่วยกระจายรายได้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและชุมชนอย่างทั่วถึง รวมทั้งการส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพในหมู่นักท่องเที่ยวคนไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกิจกรรมแพทย์ทางเลือก อาทิ นวด สปา และสมุนไพร ซึ่งเป็นจุดเด่นของประเทศไทย เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวคนไทยให้สูงขึ้น อันจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยวที่ต่างจะมีสภาพคล่องสูงขึ้นตาม

จากแนวโน้มดังกล่าว ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงคาดการณ์ว่า โดยรวมตลอดทั้งปี 2554 ตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศจะขยายตัวร้อยละ 4 หรืออยู่ที่ประมาณ 105.4 ล้านคน และก่อให้เกิดรายได้ด้านการท่องเที่ยวสะพัดทั่วประเทศคิดเป็นมูลค่าประมาณ 415,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับปี 2553 ที่มีคนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ 101.33 ล้านคน และก่อให้เกิดรายได้ด้านการท่องเที่ยวรวมทั้งสิ้น 402,574 ล้านบาท