กสิกรไทยจัดบริการการเงินครบวงจรมัดใจลูกค้าจีน

ธนาคารกสิกรไทยลุยธุรกิจไทย-จีนต่อเนื่อง เปิดบริการทางการเงินแบบครบวงจร ทั้งสาขารูปแบบพิเศษ แบบฟอร์ม เอกสาร บริการ Call Center ภาษาจีน และบริการธุรกรรมด้วยสกุลเงินหยวนแบบครบวงจร เตรียมพร้อมรับเม็ดเงินลงทุนจากแดนมังกร ตั้งแต่กลุ่มเอสเอ็มอีไปถึงธุรกิจขนาดใหญ่ แนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องปีละกว่า 25% มูลค่าการลงทุนในไทยสูงถึง 28,495 ล้านบาท

นายพิพิธ เอนกนิธิ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในเป้าหมายการลงทุนของนักธุรกิจจีน ซึ่งมีการขยายการลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามที่ผ่านมานักธุรกิจจีนประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจในไทยที่สำคัญคือ การสื่อสาร ทั้งภาษาพูดและงานเอกสารที่เป็นภาษาจีนยังไม่มีความพร้อม

ดังนั้นธนาคารกสิกรไทยจึงเปิดให้บริการทางการเงินที่ครบวงจรแก่ลูกค้าจีน โดยเป็นบริการพิเศษที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มนักธุรกิจจีนในไทยโดยเฉพาะ พร้อมขจัดอุปสรรคด้านภาษา ด้วยบริการที่มีจุดเด่น 4 ด้าน ได้แก่ 

ด้านความสะดวก ธนาคาร ฯ จะเปิดให้บริการสาขาพิเศษในย่านธุรกิจสำหรับลูกค้าชาวจีน โดยพนักงานเคาน์เตอร์สามารถสื่อสารด้วยภาษาจีน พร้อมระบบกดคิวและเสียงเรียกเป็นภาษาจีน นำร่อง 3 สาขา ได้แก่ สาขาสำนักเสือป่า สาขาถนนรัชดาภิเษก (ห้วยขวาง) และสาขานิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง นอกจากนี้ยังเปิดให้บริการ Call Center ภาษาจีน ผ่าน K-Biz Contact Center 0 2888 8822 กด 2 ตั้งแต่วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-17.30 น. บริการเอทีเอ็มภาษาจีนผ่านเครื่อง K-ATM ทั่วประเทศกว่า 7,400 เครื่อง และเว็บไซต์ภาษาจีน

ด้านความน่าเชื่อถือ ธนาคาร ฯ ได้เตรียมทีมผู้ดูแลความสัมพันธ์ลูกค้าพิเศษ ที่มีความเชี่ยวชาญและสามารถให้บริการด้วยภาษาจีน ลูกค้าชาวจีนจึงสามารถขอรับคำปรึกษาเพื่อรับบริการต่าง ๆ ตั้งแต่ธุรกรรมทั่วไป ไปจนถึงบริการด้านสินเชื่อ บริการเงินสด บริการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ ฯลฯ ได้อย่างมั่นใจ

ด้านความง่ายดาย ด้วยเอกสารและแบบฟอร์มการทำธุรกรรมเป็นภาษาจีน เช่น เอกสารการเปิดบัญชี สมัครบัตรเดบิต บัตรเครดิต การทำประกันชีวิต ใบฝาก ถอน โอน หรือสมุดบัญชี ซึ่งจะลดอุปสรรคด้านภาษาในการทำเอกสารที่มีข้อผูกพันในด้านกฎหมาย และลดความยุ่งยากในการทำธุรกรรมลงได้

ด้านความหลากหลาย ธนาคารฯ ได้ออกบริการที่หลากหลายเพื่อตอบสนองลูกค้าธุรกิจตั้งแต่ระดับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ไปจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่ด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่าง ๆ อาทิ บริการทางด้าน ธุรกิจระหว่างประเทศ (Trade Finance) รวมถึงบริการประกันความเสี่ยงคู่ค้า (Trade Insurance) ผลิตภัณฑ์การจัดการทางการเงิน (Cash Management) และบริการด้านต่างประเทศ นอกจากจากสกุลดอลลาร์สหรัฐแล้ว ธนาคารยังสามารถให้บริการ

ด้านต่างประเทศเป็นสกุลเงินหยวนแบบครบวงจร ด้วยการรับเปิด L/C เป็นสกุลเงินหยวน ประกันความเสี่ยงเงินตราต่างประเทศเป็นสกุลเงินหยวน และบริการโอนเงินไปจีน ซึ่งธนาคารกสิกรไทยถือได้ว่าเป็นธนาคารแรกที่สามารถให้บริการด้วยสกุลเงินหยวนแบบครบวงจร 

นายพิพิธกล่าวเพิ่มเติมว่า บริการที่ครบวงจรดังกล่าว พัฒนาจากการที่ธนาคารมีการศึกษาความต้องการของกลุ่มลูกค้าจีนอย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจว่าจะเป็นบริการที่ตอบสนองความต้องการของนักธุรกิจจีนได้รอบด้านและตรงจุด โดยเฉพาะการลดอุปสรรคในด้านภาษา จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้แก่นักลงทุนชาวจีนในการทำธุรกิจในไทยยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ครบวงจรในสกุลเงินหยวนจะช่วยให้นักธุรกิจจีนสามารถบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนและจัดการธุรกรรมทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

สำหรับการลงทุนของนักธุรกิจจีนที่เข้ามาลงทุนโดยตรงในไทยตั้งแต่ปี 2548 – 2554 มีการเติบโตด้วยอัตราเฉลี่ย (Compound Annual Growth Rate) อยู่ที่ 25.36% ต่อปี โดยในปี 2554 ไทยมียอดรวมการขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากจีนสูงเป็นอันดับ 2 จากนักลงทุนของต่างชาติในไทย โดยมีมูลค่าถึง 28,495 ล้านบาท ซึ่งระหว่างปี 2548 – 2554 การลงทุนของจีนในไทยส่วนใหญ่อยู่ในธุรกิจการก่อสร้าง ค้าปลีกค้าส่ง การขนส่ง บริการทางการเงิน อสังหาริมทรัพย์ เครื่องจักร ยาง เคมีภัณฑ์ 

ทั้งนี้มีแนวโน้มว่าในช่วง 3 ปีข้างหน้านี้ การลงทุนของจีนในไทยน่าจะมีอัตราการเติบโตที่มากขึ้นกว่าที่ผ่านมา จากปัจจัย 2 ด้าน คือ นโยบายส่งเสริมนักลงทุนให้ออกไปลงทุนในต่างประเทศของรัฐบาลจีน และการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 ซึ่งป็นแรงดึงดูดให้จีนเข้ามาลงทุนในภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น โดยประเทศไทยมีจุดเด่นในเรื่องที่ตั้ง โดยจะเห็นได้จากเส้นทางโลจิสติกส์ของไทยที่เข้าสู่จีนทางตอนใต้ ได้แก่ มณฑลหยุนหนานและกว่างซี ผ่านเส้นทางถนน 3 สายหลัก ได้แก่ ถนน R3a ถนน R9 และถนน R12 

นายวศิน วณิชย์วรนันต์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า บริษัทขนาดใหญ่ของจีนที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยช่วงแรกมุ่งเน้นการบุกตลาดและสร้างฐานการผลิตในภูมิภาคให้เข้มแข็ง จึงมีความต้องการเงินลงทุนสูง ซึ่งธนาคาร ฯ ก็พร้อมจะเข้าสนับสนุนผ่านบริการทางการเงินที่ครบวงจร ทั้งสินเชื่อระยะยาวเพื่อลงทุนในการสร้างฐานการผลิต และสินเชื่อระยะสั้นเพื่อใช้หมุนเวียนในธุรกิจ นอกจากนี้ธนาคารยังได้ให้บริการด้านธุรกรรมต่างประเทศแก่ลูกค้าในกลุ่มนี้ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค พร้อมจัดสรรทีมดูแลความสัมพันธ์ลูกค้าเพื่อช่วยให้บริการเป็นพิเศษในด้านงานเอกสารต่าง ๆ ทำให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมได้อย่างรวดเร็วขึ้นมาก

นายพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ธนาคารฯ มั่นใจว่าบริการการทางการเงินครบวงจรสำหรับลูกค้าจีนดังกล่าว โดยเฉพาะการมีสาขาบริการพิเศษเพื่อชาวจีนและทีมผู้ดูแลความสัมพันธ์ลูกค้าที่สามารถสื่อสารเป็นภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่ว จะช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินได้ง่ายและสะดวกขึ้น โดยไม่มีอุปสรรคด้านภาษา นอกจากนี้ ธนาคารฯ ก็พร้อมที่จะนำฐานลูกค้าเอสเอ็มอีของธนาคารฯ ที่มีจำนวนมากและหลากหลายกระจายอยู่ทั่วประเทศ มาสร้างเครือข่ายธุรกิจ (Business Matching & Networking) เพื่อนำไปสู่การต่อยอดทางธุรกิจให้แก่เอสเอ็มอีจีนรวมทั้งธุรกิจของเอสเอ็มอีไทยด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ปัจจุบัน ธนาคารกสิกรไทยมียอดสินเชื่อลูกค้าเอสเอ็มอีจีนอยู่ที่ 2,500 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม ครองส่วนแบ่งตลาดของกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีจีนในไทยที่ 19% มากเป็นอันดับ 1