เทสโก้ โลตัส ตอกย้ำเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกสีเขียว เดินหน้าทุ่มงบเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

เทสโก้ โลตัส ตั้งงบประมาณปีนี้อีกกว่า 1,200 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หลังจากที่ประสบผลสำเร็จในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ได้ถึง 30% ในช่วงระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนต่อยอดแคมเปญกระตุ้นพฤติกรรมการชอปปิ้งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

“ในฐานะที่เทสโก้ โลตัส เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย เราเล็งเห็นว่าการรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของเรา อีกทั้งยังเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้ใช้ศักยภาพของเราในการช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเราได้ดำเนินการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการดำเนินการธุรกิจของเรามาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงยังมีโครงการสร้างจิตสำนึกและการมีส่วนร่วมให้แก่ พนักงาน ลูกค้า และชุมชนซึ่งเมื่อรวมกันแล้วจะกลายเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ในการรักษาสิ่งแวดล้อมของพวกเราทุกคน” มร. จอห์น คริสตี้ ประธานกรรมการบริหารเทสโก้ โลตัส กล่าว

ทั้งนี้ ในปี พ.ศ. 2549 เทสโก้ โลตัส ได้ประกาศที่จะรับมือกับปัญหาสภาวะโลกร้อนอย่างจริงจัง โดยตั้งเป้าลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจของเทสโก้ โลตัส ลงอย่างน้อย 50% ภายในสิ้นปี พ.ศ. 2563 หรือลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ จากปริมาณ 320,000 ตัน ในปี 2549 ให้เหลือปริมาณ 160,000 ตัน ในปี 2563 ซึ่งตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่าน หรือคิดเป็นครึ่งทางของ “เส้นทางสีเขียว” ของบริษัทฯ เทสโก้ โลตัส สามารถลดปริมาณก๊าซคาร์บอนฯ ที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจได้ถึง 30% ผ่านนวัตกรรมต่างๆ ที่คิดค้นขึ้นเพื่อพัฒนาระบบการปฏิบัติงาน

“เราได้นำนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ในกระบวนการต่าง ๆ ในการดำเนินธุรกิจของเรา รวมถึง การเปิดตัวนวัตกรรมสโตร์ปลอดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ แห่งแรกในภูมิภาคเอเชีย โดยในปีนี้ เราได้จัดสรรงบประมาณกว่า 1,200 ล้านบาท ซึ่งมีการลงทุนไปแล้วกว่า 920 ล้านบาท ในการนำนวัตกรรมเพื่อการประหยัดพลังงานมาใช้ภายในระบบปฏิบัติการและเครือข่ายซัพพลายเชนของเรา รวมทั้งการออกแบบสโตร์ที่ช่วยลดการใช้พลังงาน นอกจากนี้ เรายังได้เตรียมแคมเปญต่างๆ เพื่อกระตุ้นพฤติกรรมการจับจ่ายที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการส่งเสริมให้พนักงานและชุมชนมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาสภาวะโลกร้อน” มร. จอห์น กล่าวเสริม

ผู้นำการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เทสโก้ โลตัส เป็นบริษัทฯ แรกในอุตสาหกรรมค้าปลีกที่เปิดตัว “กรีนสโตร์” แห่งแรกที่ สาขาพระราม 1 ในปีพ.ศ. 2547โดยนำพลังงานทดแทนมาใช้ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ที่ได้จากแผงโซลาร์เซลส์ที่ติดตั้งบนหลังคา ต่อมา ในปี พ.ศ. 2551 เทสโก้ โลตัส เดินหน้าเปิดกรีนสโตร์แห่งที่ 2 ที่สาขา ศาลายา จังหวัด นครปฐม โดยนำพลังงานรีไซเคิลในรูปของไบโอแก๊ซ และไบโอดีเซล มาใช้อย่างคุ้มค่า และล่าสุดในปี พ.ศ. 2554 เทสโก้ โลตัส ได้เปิดตัวนวัตกรรม “สโตร์ปลอดก๊าซคาร์บอนฯ” แห่งแรกของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย โดยใช้เทคโนโลยีล่าสุดในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ที่เกิดจากการใช้ไฟฟ้า และชดเชยปริมาณก๊าซคาร์บอนฯ ที่เหลือด้วยพลังงานทดแทนที่ได้จากแหล่งผลิตภายในสาขา จนมีค่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯเทียบเท่ากับศูนย์

“นอกจากนี้ เรายังมีแผนลดปริมาณก๊าซคาร์บอนฯ ทั้งในสโตร์ที่มีอยู่ในปัจจุบันและสโตร์ที่จะเปิดขึ้นใหม่ เช่นการออกแบบร้านให้ใช้แสงสว่างจากธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ก็มีการเปลี่ยนอุปกรณ์ที่มีอยู่เดิมเป็นอุปกรณ์ที่ผลิตจากเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนฯได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น” มร.จอห์น กล่าวเพิ่มเติม

เทสโก้ โลตัส ยังเป็นผู้ประกอบการธุรกิจรายใหญ่รายแรกที่เปลี่ยนมาใช้น้ำมันไบโอดีเซลแทนการใช้น้ำมันดีเซลในระบบขนส่งนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 เป็นต้นมา โดยเมื่อเร็วๆนี้ บริษัทฯ ได้เปิดตัวระบบควบคุมการขนส่งแบบใหม่ ที่จะช่วยค้นหาเส้นทางการเดินรถที่ดีที่สุดสำหรับการขนส่งสินค้าไปยังสาขาต่างๆ และยังได้ริเริ่มเจรจากับภาครัฐในการนำระบบรถบรรทุกสองชั้นมาใช้ เพื่อลดปริมาณเชื้อเพลิงในระบบขนส่งอีกด้วย

ส่งเสริมพฤติกรรมช้อปปิ้ง “ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”
“ในปัจจุบัน เทสโก้ โลตัส มีลูกค้าที่มาจับจ่ายซื้อของในร้านของเราประมาณ 11 ล้านคน ต่อสัปดาห์ เราจึงมองว่าเรามีโอกาสที่ดีในการส่งเสริมพฤติกรรมช้อปปิ้งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้กับผู้บริโภค และหากลูกค้าของเราเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมคนละเล็กคนละน้อยก็จะกลายเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต” มร.จอห์น กล่าว

ทั้งนี้ เทสโก้ โลตัส เปิดตัวแคมเปญ ‘กรีนแบ็ค, กรีน พอยท์’ ในปี พ.ศ. 2553 เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าลดการใช้ถุงพลาสติก โดยเน้นที่การให้รางวัลตอบแทน ซึ่งนับตั้งแต่เปิดตัวโครงการนี้ เทสโก้ โลตัส ได้มอบรางวัลตอบแทนเป็นแต้มบัตรคลับการ์ดจำนวนกว่า 100 ล้านแต้ม ให้แก่ลูกค้าที่ไม่ใช้ถุงพลาสติก

“ปีนี้ เทสโก้ โลตัส ได้ต่อยอดแคมเปญดังกล่าวด้วยการเพิ่มจำนวนแต้มกรีนพอยท์ให้แก่ลูกค้าที่ปฏิเสธไม่รับถุงพลาสติกเป็น 20 แต้ม ต่อถุงพลาสติกหนึ่งใบหรือต่อหนึ่งตระกร้า และ 40 แต้มต่อรถเข็นหนึ่งคัน ลูกค้าที่ซื้อ “ถุงรักษ์โลก” ของเทสโก้ โลตัส ยังจะได้รับแต้มกรีนพอยท์เพิ่มเติมพิเศษอีก 500 แต้ม ทันทีที่ซื้อ ซึ่งแคมเปญนี้จะมีผลตั้งแต่วันนี้จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ที่เทสโก้ โลตัส ทุกสาขาทั่วประเทศ” มร.จอห์น กล่าวเพิ่มเติม

นอกจากนี้ เทสโก้ โลตัส ยังเป็นผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกรายแรกที่ให้รางวัลตอบแทนลูกค้าที่เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมอบแต้มกรีนพอยท์ทันที 25 แต้ม ต่อสินค้าหนึ่งชิ้น ซึ่งจะมีผลถึงสิ้นปีนี้

ส่งเสริมพนักงานให้อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในชุมชน
เทสโก้ โลตัส มีโครงการ ‘1 ล้านชั่วโมงร่วมใจพัฒนาชุมชน’ เพื่อกระตุ้นพนักงานที่มีอยู่ 45,000 คน ให้หันมาอุทิศตนเพื่อชุมชนที่ตัวเองอยู่ พนักงานสามารถเลือกได้ว่าจะให้ความช่วยเหลือเด็กที่ด้อยโอกาสในท้องถิ่น ทำความสะอาดชุมชนของตน หรือปลูกต้นไม้เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้พนักงานสามารถรวบรวมพลังชั่วโมงความดีได้ถึง 1 ล้านชั่วโมงแล้ว

ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน
เทสโก้ โลตัส เปิดตัวโครงการ ‘๙ ล้านกล้า ๘๐ พรรษามหามงคล’ ในปี พ.ศ. 2550 โดยมีเป้าหมายที่จะปลูกต้นไม้จำนวน 9 ล้านต้นในพื้นที่อุทยานแห่งชาติให้แล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. 2556 โดยในปัจจุบัน เทสโก้ โลตัส ได้ให้การสนับสนุนโครงการนี้เป็นจำนวนเงินไปแล้วกว่า 140 ล้านบาท เพื่อใช้ในการปลูกต้นไม้จำนวนกว่า 8 ล้านต้น

“โครงการนี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยฟื้นฟูป่าที่เสื่อมโทรมของประเทศไทยให้ฟื้นคืนกลับมา แต่ยังกระตุ้นจิตสำนึกของชุมชนในท้องถิ่น ให้ตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาและหวงแหนสิ่งแวดล้อม เรารู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่เห็นชาวบ้านในท้องถิ่นและพนักงานของเรามีส่วนร่วมในการปลูกต้นไม้กับโครงการฯ เพราะเราเชื่อว่า ถ้าเราทุกคนร่วมมือ จะสามารถสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นเพื่ออนาคตของเราได้” มร.จอห์นกล่าวสรุป