เคเอ็มซี ล้างภาพเก่าสู่มิติใหม่ ดึง “ยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์” นั่งแท่นซีอีโอเสริมแกร่ง เตรียมเปิดตัว 3 โครงการใหม่

เคเอ็มซี ประกาศความพร้อมรุกตลาดอสังหาฯ ไทยอีกครั้ง เตรียมปรับแบรนด์สู่ “เอคิว เอสเตท (AQ ESTATE)” หลังปรับโครงสร้างทีมบริหารใหม่หมด พร้อมดึงผู้บริหารมืออาชีพ “ยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์” วางหมากหวังก้าวสู่ 1 ใน 10 ผู้นำธุรกิจอสังหาฯ ไทยใน 3 ปี ด้วยธุรกิจพัฒาโครงการ ทั้งขาเช่าและขาขาย, ธุรกิจบริหารการขายโครงการและธุรกิจใหม่คือ Joint venture เพื่อเพิ่มโอกาส ให้ทั้งเคเอ็มซีและผู้ที่ต้องการร่วมลงทุนพัฒนาโครงการได้ก้าวสู่ความสำเร็จร่วมกัน

นายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) ที่กำลังจะปรับแบรนด์สู่ “เอคิว เอสเตท (AQ ESTATE)” หลังผ่านการอนุมัติของผู้ถือหุ้น ในต้นปีหน้า เปิดเผยว่า ปัจจุบันตนเองได้เข้ามาบริหารเคเอ็มซีอย่างเต็มตัวพร้อมปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจ สู่ยุคใหม่ส่งผลให้เคเอ็มซีมีความแข็งแกร่งทั้งด้านฐานทุนและเงินสดหมุนเวียน เพื่อใช้ในการขยายธุรกิจ รวมถึงการเข้ามาของทีมบุคลากรจาก อควาเรียส เอสเตท ที่เชี่ยวชาญด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างครบวงจร จึงเชื่อมั่นอย่างมากว่าจะนำเคเอ็มซีให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่องนับจากนี้สู่อนาคต

“ผมมั่นใจว่าการรวมตัวด้านการบริหารระหว่างทีมงานของ เคเอ็มซี และ อควาเรียส เอสเตท จะทำให้บริษัทฯ มีความแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมมาก โดยเราวางแผนที่จะเปิดตัวโครงการใหม่รวม 3 โครงการในไตรมาส 4 ของปี 56 ประกอบด้วย บ้านเดี่ยวเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา มูลค่า 330 ลบ., คอนโดมิเนียมย่านรัตนาธิเบศร์ มูลค่า 1,200 ลบ. และบ้านเดี่ยวเลี่ยงเมืองชลบุรี มูลค่า 930 ลบ. ตลอดจนเตรียมพร้อมซื้อที่ดินแปลงใหม่อีกหนึ่งผืน มูลค่าประมาณ 200 ลบ. เพื่อเตรียมพัฒนาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง” นายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ กล่าว

เกี่ยวกับแผนการพัฒนาระบบการดำเนินงานของเคเอ็มซีหลังจากนี้นั้น นายยงยุทธ กล่าวเสริมว่า “ปัจจุบันเราได้ลงทุนเพิ่มในส่วนของระบบไอทีเพื่อรองรับธุรกิจด้าน Fee Base ซึ่งจะเป็นธุรกิจที่สามารถ สร้างรายได้เพิ่มเติมให้กับเคเอ็มซีได้ ซึ่งตลาดในส่วนดังกล่าวมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยทีมงานของเรา ได้รับความไว้วางใจทั้งจากบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์ให้บริหารการขายโครงการมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึง กลุ่มนักลงทุนที่ต้องการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์แต่ขาดความเชี่ยวชาญก็ตรงมาหาเราหลายราย เชื่อว่านับจากนี้ เราจะมีความแข็งแกร่งมากขึ้นเพราะมีความพร้อมทั้งด้านระบบและทีมงานมืออาชีพ โดยปัจจุบันเราบริหาร การขายรวม 5 โครงการ รวมมูลค่ารับบริหารกว่า 7,260 ลบ. แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมรวม 3 โครงการ (กรุงเทพฯ 2 โครงการและหัวหิน 1 โครงการ), ทาวน์เฮาส์ สาทร-พระราม 3 รวม 1 โครงการ และโรงแรมใน จ.กระบี่อีก 1 โครงการ”