เซ้ปเป้ ถอดบทเรียนจากความล้มเหลว

หลังจากที่เซ็ปเป้ บิวติดริงค์ ได้ครองตลาดฟังก์ชั่นนอลดริ้งก์มาเป็นเวลาหลายปี แต่แล้วก็พลาดท่าเสียหลักให้เครื่องดื่ม ”แมนซั่ม” เบียดหน้า และขึ้นแชมป์ไปจนได้

นอกจากนี้เซ็ปเป้ บิวติดริ้งค์เองก็เคยออกโปรดักส์สำหรับผู้ชายมาโดยเฉพาะเช่นกัน เมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ไม่สามารถอยู่บนเชลฟ์ได้นานเท่าที่ควร

อดิศักดิ์ รักอริยะพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรัพย์อนันต์ เยนเนอรัลฟู้ด จำกัด กล่าวว่า ความล้มเหลวในครั้งนั้นเป็นเพราะการสื่อสารไม่ดี  ตั้งแต่การใช้ชื่อ “เซ็ปเป้ บิวติดริ้งค์ เอ็ม” เพราะมองว่าสินค้าในตระกูลบิวติดริ้งก์เหมือนกัน แต่กลายเป็นว่า คนยังเข้าใจว่าเป็นสินค้าสำหรับผู้หญิงอยู่เพราะชื่อใกล้เคียงกัน

“เมื่อเราสื่อสารผิดปุ๊ป ทำให้ผู้บริโภคสับสน และไม่สนใจเอาง่ายๆ เลย ทั้งๆ ที่ เซเป้ บิวติดริ้งค์ เอ็ม เราใส่การใส่เบเนฟิตต่างๆ โดยมีทั้งคอลลลาเจนและซิงค์ ที่เป็นสารอาหารที่ช่วยเรื่องสมรรถภาพทางเพศได้ จะห็นว่ามีเบเนฟิตไม่แตกต่างจากเซ็ปเป้บิวติดริ้งค์สำหรับผู้หญิงเลย

ถึงแม้ว่า คู่แข่งได้สร้างเซกเม้นท์ ฟังก์ชั่นแนลดริงก์สำหรับผู้ชายให้เกิดขึ้นมาในตลาดก็ตาม แต่เขาไม่คิดจะนำเซ็ปเป้ บิวติดริงค์ เอ็ม”มาทำตลาดใหม่  ที่สำคัญเขาพบว่า อินไซต์ผู้บริโภคที่ตอบรับกับฟังก์ชั่นนอลดริ้งค์น้อยลง ตลาดไม่ได้หวือหวามากเหมือนแต่ก่อน 

สำหรับ โจทย์ใหญ่ของเซ็ปเป้ในปีนี้ คือ การกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค ภายใต้ปัญหาเศรษฐกิจซบเซา  โดยจะหันมามุ่งโฟกัสในสินค้าเซ็กเม้นท์ระดับ Economy   เช่น  กาแฟเพรียว คอฟฟี่ ซึ่งเป็นสินค้าในระดับ Economy ที่จับกลุ่มเป้าหมายระดับชาวบ้านทั่วไป  โดยจะทำแพ็คไซส์ให้เล็กลง คือจำนวนสินค้าต่อหนึ่งบรรจุภัณฑ์น้อยลง กาแฟเพรียวแบบซอง จากแต่เดิมขายแพ็คละ 12, 10 และ 7 ซอง ปรับลดเหลือ แพ็คละ 2-5 ซอง  โดยที่ปริมาณบรรจุต่อซองเท่าเดิม คือ 12กรับ/ซอง ราคาซองละ 5-7 บาท ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น 

เมื่อปี 2556 ที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้ 2,400 ล้านบาท ตั้งเป้ารายได้ในปี 2557 จำนวน 3,000 ล้านบาท โดยที่สัดส่วนรายได้ของบริษัทอยู่ที่การ ส่งออก 40% ขายภายในประเทศ 60% และแบ่งเป็นสัดส่วนของผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มอยู่ที่ 30% และกาแฟผง 30%